ผ่านปีใหม่มาได้แค่สองเดือน มาถึงเดือนแห่งความรัก โปรไฟล์หน้าเฟซบุ๊กหลายคน โพสต์กันหลากหลายว่า “เดือนแห่งความรักขอให้เจอรักแท้ ”, “ขอให้หน้าพัง ๆ เจอรักปัง ๆ สักครั้ง”, “วันที่ 14 จะมีอะไรมาเซอร์ไพร้ส์ไหมค่ะ”, “เขาจะรู้ไหมว่าเราแอบชอบเขาตั้งแต่ ม.ต้น”, “รักไหนที่ว่าแน่ ก็แพ้รักของแม่ที่แน่กว่า”, “14 กุหลาบไม่มี 16 มาฆบูชา แม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อ 17 ไปให้สุดหยุดที่มาม่า (หวยกิน)” 

หลายครั้งที่ไปบรรยายธรรมในบริษัทเอกชน หรือโรงงานต่างๆ ผู้เขียนจะตั้งคำถามว่า “คนทำงานทุกข์เรื่องใดที่สุด” คำตอบที่ดังก้องกลางใจเป็นประจำคือ ทุกข์ 4 เรื่องหลัก 1.ทุกข์เพราะเงินไม่พอใช้ 2. ทุกข์เพราะความรักครอบครัว 3.ทุกข์เพราะปัญหาที่ทำงาน 4.ทุกข์เพราะสุขภาพ 

1. ทุกข์เพราะเรื่องเงิน ผู้เขียนถามว่า “หากบริษัทให้เงินโบนัสปีใหม่ ตรุษจีน หรือเปิดเทอมลูก ถ้าเลือกเวลาได้โยมจะเลือกรับช่วงไหน” เสียงส่วนใหญ่เปิดพร้อมใจว่า “ขอรับช่วงเปิดเทอม..เพราะต้องใช้เงินเยอะ ทั้งเสื้อผ้าค่าเทอม ลูกสามคนโตพร้อมกัน หมุนเงินไม่ทันก็ไม่รู้จะหันหน้าไปยืมใคร เพราะแต่ละคนก็หมุนเงินเหมือน ๆ กัน แต่อย่างไรก็ต้องสู้เพราะลูกทั้งคน ไม่อยากให้เขาลำบากเหมือนฉัน ชีวิตฉันลำบากมาตั้งแต่เด็ก” 

2. ทุกข์เพราะเรื่องความรักครอบครัว ผู้เขียนตั้งคำถามกับผู้ฟ้งว่า “มีดบาดกับอกหัก อะไรเจ็บกว่ากันโยม?” หลายก็ตอบว่า “มีดบาดเจ็บกว่าอกหัก” ผู้เขียนจึงถามต่อไปว่า “โยมที่บอกว่ามีดบาดเจ็บกว่า เพราะชีวิตยังไม่เคยเจอรักแท้” (เสียงกรี๊ดฮาทั้งห้อง) แล้วบอกโยมต่ออีกว่า “สิ่งที่เลวร้ายกว่าการเลิกรา คือการกลับมาของคนที่จากไป” เพราะวันที่เจ็บที่สุดคือคนๆ หนึ่งที่เคยรักเรามากที่สุด วันหนึ่งเขาออกจากชีวิตเรา แล้วเขากลับมาทำร้ายชีวิตเราอีกครั้ง เจ็บไหมโยม? บางครั้งต้องยอมเจ็บเพื่อจบ ดีกว่าเจ็บแบบไม่มีวันจบ ดังคำพระท่านสอนว่า ล้านความจริงใจก็ไร้ค่า ล้านหยดน้ำตาก็ไร้ผล ล้านคำว่ารักก็ไร้ตัวตน ล้านความเจ็บโยมก็ต้องทน ถ้าโยมรักคนที่หมดใจ” 

3.ทุกข์เพราะปัญหาที่ทำงาน ชีวิตการเรียนที่มีความสุขที่สุดคือตอน ม.ปลาย เพราะโลกมันสดชื่น จะโกรธเพื่อนแค่ไหนก็ยิ้มได้ แต่วันที่เราเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย โลกสอนให้เราเห็นแก่ตัวมากขึ้น เพราะสิ่งรอบตัวและสังคมที่ต้องเผชิญมันโหดร้ายมาก ยิ่งเรียนจบมาทำงาน สังคมการทำงานยิ่งโหดร้ายมากยิ่งขึ้น ทำดีก็โดนว่า ทำไม่ดีก็โดนด่า ไม่ทำอะไรเลยยังถูกนินทา ฟ้าฝนตกรถติดมาทำงานสายก็เป็นขี้ปากชาวบ้าน ผู้เขียนจึงชวนโยมผู้ฟังคุยว่า ห้องทำงานก็เหมือนห้องเรียน เพื่อนดีๆ เหมือนตอนเรียนก็มี แต่ความร้ายกาจมีมากกว่าหลายเท่านะโยม การทำงานก็เหมือนเล่นกีฬา เล่นเป็นทีมมีเป้าหมายเดียวกัน มุ่งมั่นเหมือนกัน เราต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี และสนับสนุนคนอื่น ๆ ด้วย (หลับตานึกถึงทีมวิ่งผลัด จังหวะการส่งไม้ รับไม้นั้นสำคัญมาก) 

4.ทุกข์เพราะสุขภาพ คำพระท่านว่า คนบางคนมีเงินมหาศาล แต่ไม่มีสังขารจะใช้เงิน โยมท่านหนึ่งพูดสวนทันทีว่า “ชีวิตฉันตรงกันข้ามกันเลยเจ้าค่ะทำไมล่ะโยม  “ฉันมีสังขารมหาศาล แต่ไม่ค่อยจะมีเงินใช้ ” แต่ถ้าวันใดรู้ตัวว่าไม่สบายให้รีบลาป่วย ไม่มีใครว่าถ้าเราป่วยแล้วลา แต่จะมีคนว่า “ถ้าเราไม่ป่วยแล้วลา ” การทำงานจะมีความสุข เพราะเรามีสุขภาพที่ดี อย่าหาเงินทั้งชีวิตไปใช้ในห้องไอซียู แต่ควรหาเงินมาใช้เพื่อความสุขของครอบครัว พระท่านจึงให้พรว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ”

ความทุกข์ทั้ง 4 เรื่องจะเบาบางจางหายไปเพราะ “เราจะหายใจต่อเพื่อคนที่เรารัก ” 

“อย่าขยันทำไปทุกเรื่อง” งานบางงาน ไม่มีเราคนอื่นก็ทำได้ เหนื่อยให้ถูกเรื่อง อย่าเหนื่อยไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ชีวิตไม่ได้มีแต่งาน เรายังมีพ่อ แม่ ลูก พี่น้อง รอคนดีกลับบ้าน… 

………………………………………

คอลัมน์ : ลานธรรม

โดย : พระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานพระธรรมวิทยากรเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี