เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ อว.จัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา “กองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา” นับก้าวสำคัญของการปฏิรูปการเรียนระดับอุดมศึกษาของไทย ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้มหาวิทยาลัยคิดหรือได้ทดลองหลักสูตรใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะหลักสูตรที่เน้นเรื่องการปฏิบัติตามความต้องการของตลาด เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ประเทศได้มากขึ้น โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานส่งเสริมการลงทุนหรือ บีโอไอ ได้มาร่วมทำหลักสูตรแซนด์บอกซ์กับ อว. เพื่อสร้างวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ ตามความต้องการของบริษัทที่มาขอรับการลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เพื่อตอบสนองความต้องการของโลกยุคใหม่ เช่น Cyber Security นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data scientist) นักบูรณาการระบบในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้ในอนาคต

แนวคิดในการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา มุ่งเน้นผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพป้อนเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจรองรับการดิสรัปชั่นอย่างรวดเร็ว (Disruptive change) และพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทุกช่วงวัยให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาตามความต้องการของผู้เรียนได้ โดยการจัดตั้งกองทุนฯ จะเข้ามาขับเคลื่อนและช่วยสนับสนุนภารกิจเฉพาะด้านในการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางให้สอดรับกับความต้องการของประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศไทย อาทิ ผลิตบัณฑิตและกำลังคนที่มีสมรรถนะและศักยภาพสูงเพียงพอต่อความต้องการของภาคส่วนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจสาขาใหม่ ๆ และพัฒนาสังคมและชุมชนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

ทั้งนี้ การดำเนินงานการจัดตั้งของกองทุนฯ อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการให้ทุนกับภาคอุดมศึกษา ซึ่งจะใช้แหล่งงบประมาณตามมาตรา 45 (3) งบพัฒนาความเป็นเลิศและการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทาง และงบประมาณตามมาตรา 45 (4) งบเข้ากองทุนให้กู้ยืมดอกเบี้ยต่ำให้แก่สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ซึ่งแตกต่างจากงบประมาณที่จัดสรรจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่มุ่งเน้นการพัฒนากำลังคนในสาขาที่ขาดแคลนหรือในพื้นที่เป้าหมาย

ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัด อว. กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการขับเคลื่อนโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) ตามกลุ่มยุทธศาสตร์ 5 กลุ่ม ในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรให้มีคุณภาพ เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดการปฏิรูประบบอุดมศึกษา เพื่อให้มหาวิทยาลัยมีความเป็นเลิศ และยกระดับคุณภาพการศึกษา ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1.การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีและระบบแวดล้อม เพิ่มคุณภาพการเรียนการสอนสมัยใหม่และเน้นประสิทธิภาพการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคระบาดของ COVID-19 การพัฒนาหลักสูตรตามทิศทางของกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา เช่น หลักสูตรที่มีมาตรฐานระดับนานาชาติ หลักสูตรการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรม หรือหลักสูตรพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่น  2.การพัฒนาบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ การพัฒนาทักษะอาจารย์ เพื่อให้สามารถตอบสนอง ต่อการเรียนในศตวรรษที่ 21 การจ้างผู้เชี่ยวชาญการวิจัยระดับโลก ทั้งแบบเต็มเวลา (Full-time) และไม่เต็มเวลา (Adjunct & Visiting Scholar) 3.การยกระดับความเป็นนานาชาติ ได้แก่ เกิดการสร้างเครือข่ายกับสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำระดับโลก ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องที่เป็นรูปธรรมในลักษณะ strategic partner และความร่วมมือที่สอดคล้องกับทิศทางและจุดเน้น ของสถาบันอุดมศึกษาและประเทศ เช่น การวิจัยร่วม การแลกเปลี่ยนบุคลากร นักศึกษา หลักสูตรร่วม 4.การสนับสนุนการบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม ได้แก่ การส่งเสริมระบบการบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ การส่งเสริมให้แสวงหาทุนวิจัยระดับนานาชาติ และกิจกรรมความร่วมมือกับสถาบันวิจัยชั้นนำระดับโลก 5.การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงาน/เอกชน/ชุมชนตามกลุ่มยุทธศาสตร์และจุดเน้น สถาบันอุดมศึกษา ในลักษณะจตุรภาคี การรวมกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายหรือทิศทางของประเทศ ทั้งการสร้างความเป็นเลิศและกำลังคนร่วมกัน โดยในปีที่ผ่านมา การดำเนินโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยแล้วเสร็จไปกว่า 50 % และมีมหาวิทยาลัยได้รับการคัดเลือก 17 มหาวิทยาลัย 15 โครงการ