สำนักข่าวต่างประะเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์ร่วมกับ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) สหภาพยุโรป ( อียู ) แคนาดา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ กล่าวหาจีน "ดำเนินการที่เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง" ด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ต่อเซิร์ฟเวอร์ "ไมโครซอฟต์ เอ็กซเชนจ์" ของบริษัทไมโครซอฟต์ เมื่อช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์ เอ็กซเชนจ์ เป็นหนึ่งในบริการอีเมลของไมโครซอฟต์ ที่ให้บริการกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ในการจัดทำระบบอีเมลโดยใช้ชื่อของหน่วยงานได้ เพื่อความสะดวกในการติดต่อและรวบรวมข้อมูล โดยรายงานที่รัฐบาลวอชิงตันเผยแพร่ร่วมกับพันธมิตร กล่าวหาแฮกเกอร์ของรัฐบาลปักกิ่ง ส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ เน้นเจาะระบบของหน่วยงานรัฐบาล และการโจมตีเฉพาะบุคคล แล้วปล่อยแรนซัมแวร์เพื่อเรียกเก็บเงิน
ในเวลาเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐร่วมกับสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) ประกาศดำเนินคดีกับพลเมืองจีน 4 คน ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับภารกิจโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบไมโครซอฟต์ เอ็กซเชนจ์ ที่รองรับหน่วยงานรัฐ และมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ โดย 3 คนเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐในกรุงปักกิ่ง และอีกคนหนึ่งเป็นแฮกเกอร์สัญญาจ้าง
ต่อมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าเป็นการ "ใช้กลยุทธ์โจมตีทางไซเบอร์ในแบบที่แตกต่างกัน" ระหว่างจีนกับรัสเซีย โดยรัฐบาลปักกิ่งไม่น่าลงมือได้ด้วยตัวเอง แต่กำลังปกป้องหรือช่วยเหลือ "คนร้ายตัวจริง"  ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อกล่าวหาของสหรัฐ "ไร้สาระและปราศจากหลักฐาน" ส่วนบริษัทไมโรซอฟต์ยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ.

เครดิตภาพ : AP