เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จัดงานเสวนา “วัคซีนเด็ก เติมภูมิคุ้มกัน มั่นใจเปิดเรียน On Site พร้อมใช้แผนเผชิญเหตุทุกสถานการณ์” ภายใต้ความร่วมของ 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) โดย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่ส ขณะนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วในเข็มแรก 90% ส่วนเข็มสอง 80-90% ขณะที่เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ได้รับวัคซีนเข็มสองไปแล้ว 80% โดยการเปิดเรียนออนไซต์ของสถานศึกษาจะต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัด และปฎิบัติตามมาตรการแผนเผชิญเหตุของศธ. เราเชื่อว่าจากนี้ทุกคนจะต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้โดยไม่ตื่นตระหนก เพราะที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่เปิดสอนออนไซต์โรงเรียนแต่ละแห่งดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุได้เป็นอย่างดี แม้จะมีกรณีเด็กติดเชื้อโควิดเกิดขึ้นก็จะปิดเฉพาะห้องเรียนนั้นไม่ได้ปิดโรงเรียนทั้งหมด ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าการเปิดเรียนแบบออนไซต์จะสร้างความมั่นใจให้แก่เด็กและผู้ปกครองมากที่สุด 

ด้านดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดที่เปิดออนไซต์สูงสุดมีหลายจังหวัด เช่นจ.สมุทรสาคร นครพนม แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร ราชบุรี เป็นต้น ทั้งนี้ข้อมูลการสำรวจจำนวนนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีนช่วงอายุ 5-11 ปี มีจำนวนนักเรียนทั้งประเทศ 5,381,431 คน มีการสำรวจแล้ว ณ ปัจจุบัน จำนวน 4,185,000 คนจาก 61 จังหวัด หรือ 80% มีประสงค์ 2,570,000 คน เฉลี่ย 61.4% ซึ่งข้อมูลนี้ยังไม่ครบถ้วน เพราะศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และปัจจุบันหลายจังหวัดได้มีการเริ่มฉีดวัคซีนไปแล้ว

ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่าสพฐ.ได้มีความพยายามจัดการเรียนการสอนในรูปแบบที่หลากหลายทั้ง 5 รูปแบบ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีการที่จะทำให้เกิดคุณภาพการเรียนรู้ที่ดีที่สุดแก่เด็ก คือ การจัดเรียนออนไซต์ เพื่อสร้างองค์ความรู้และทักษะให้แก่นักเรียนสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งจากการสำรวจโรงเรียนในสังกัดสพฐ.ทั่วประเทศ พบว่าขณะนี้โรงเรียนในทุกจังหวัดมีการเปิดเรียนออนไซต์แล้ว แต่มีบางจังหวัดอาจมีโรงเรียนเปิดเรียนออนไซต์เพียง 10 โรงเรียน ดังนั้น อยากสื่อสารกับทางโรงเรียน ผู้ปกครอง ให้ร่วมกันเปิดเรียนออนไซด์ให้เกิดความปลอดภัย ไม่มีความติดเชื้อ หรือหากมีการติดเชื้อจะมีแผนการเผชิญเหตุที่สามารถป้องกันได้

“อยากรณรงค์ให้พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียนมาฉีดวัคซีนให้ได้ครบทั้งเข็มที่1และฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 อยากให้มีแผนเผชิญเหตุหากมีการติดเชื้อ และอยากให้ทุกโรงเรียนดำเนินการตามมาตรการ 6-6-7 อย่างเคร่งครัด และโรงเรียนต้องประเมินตนเองให้ผ่านเกณฑ์ทั้ง 44 ข้อ และเสนอความเห็นมายังคกก.โรคติดต่อจังหวัดเพื่อพิจารณาการเปิดเรียนออนไซด์” ดร.อัมพร กล่าว