เมื่อวันที่ 31 ม.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ตนได้ติดตามการเดินหน้านโยบายต่างของศธ.โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยโรงเรียนคุณภาพระดับชุมชน และโครงการส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา “พาน้องกลับมาเรียน” เพราะขณะนี้ใกล้จะปิดภาคเรียนที่ 2 ในเดือนมีนาคม 2565 แล้ว ดังนั้นตนต้องการจำนวนดูเลขเด็กที่หลุดระบบการศึกษาไปมีจำนวนกี่คน เพราะขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) พร้อมดำเนินการตามโครงการพาน้องกลับมาเรียนรองรับผู้ที่หลุดจากระบบการศึกษา ประมาณ 8,000 คน ซึ่งตนได้เร่งสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ดำเนินการสำรวจจำนวนตัวเลขเด็กตกหล่นแล้ว เนื่องจากโครงการนี้เราอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เพื่อส่งต่อเด็กเข้าสู่ระบบการศึกษาต่อไป

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการเดินหน้าโรงเรียนคุณภาพระดับชุมชนที่ผ่านมาได้จัดสรรงบประมาณลงไปดำเนินการแล้ว และจะต้องมามอนิเตอร์ดูว่าการดำเนินการสร้างโรงเรียนคุณภาพชุมชนมีปัญหาหรืออุปสรรคใดบ้าง รวมถึงการส่งต่อเด็กจากโรงเรียนขนาดเล็กโดยรอบมีการทำในลักษณะไหนและใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างไร ดังนั้นจะต้องเห็นผลสำเร็จของการเป็นโรงเรียนคุณภาพระดับชุมชนให้ได้ภายในปี 2565 นี้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ เนื่องจากขณะนี้ได้มอบให้ สพฐ.จัดตั้งศูนย์แม่ข่ายสถานีแก้หนี้ครูแล้ว โดยสถานีแก้หนี้ครูจะประจำอยู่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อคอยดูแลปัญหาหนี้ครู และการติดตามข้อมูลต่างๆของครู โดยเร็วๆนี้ตนจะประชุมวางแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครูระยะยาวอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้ ศธ.จะทำความร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และมาตรการลดดอกเบี้ยต่างๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะหนี้ครูส่วนใหญ่มาจากแหล่งเงินกู้สหกรณ์ ดังนั้นปัญหาหนี้ครูจากกลุ่มสหกรณ์จึงมีความหลากหลายและซับซ้อน