กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอีกครั้งเมื่อ “กองทัพเรือ” ดึงดันที่จะเสนองบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2565 ลำที่ 2-3 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด “โรคไวรัสมรณะ” ประเทศไทยมาถึงจุดที่ได้เห็นภาพอนาถใจประชาชนทุกข์ยากลำบาก เดาชะตากรรมชีวิตตัวเองไม่ถูก เจอสภาพเลวร้ายคนไทยตกอยู่ในภาวะลูกผีลูกคน
จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แม้จะอยู่ในชั้นคณะอนุกรรมาธิการที่ยังไม่มีผลอะไร แต่เงื่อนไขนี้ก็อาจเป็นการเติม “ไฟการเมือง” ที่กำลังคุกรุ่นอยู่แล้วให้เดือดยิ่งขึ้น จนหลายฝ่ายต้องออกมาทักท้วงให้เลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่เห็นถึงความเหมาะสมและสร้างความคลางแคลงใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก ใยเรื่องความจำเป็นที่จะต้องเร่งรีบจัดซื้อเพียงใดต่ออ่าวไทยหรือแม้กระทั่งทางด้านทะเลอันดามันถึงการสู้รบในยุคนี้
งานนี้เปิดเกมโดย “เสี่ยโจ”ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลากไส้ไล่บี้กัดไม่ปล่อย “กองทัพ”เช่นเดียวกับพรรค “ก้าวไกล” พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ออกมากระตุกสังคม ร่วมถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรค “ประชาธิปัตย์” และพรรค “พลังประชารัฐ” โดย “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า”รมช.เกษตรและสกรณ์ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร. รีบออกมาโหนกระแสร่วมด้วย เพราะถ้าไม่รีบถอนฟืนกันไฟลามทุ่งสะเทือนถึงรัฐบาลแน่นอน
ดูท่า “กองทัพ” สะบักสะบอม ฝืนกระแสไม่ไหวพลิกกลับลำ เปลี่ยนแผนกระทันหันยอมถอดใจ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งด่วนกองทัพเรือถอนเรื่องเสนอของบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ออกจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แล้ว โดยทางกองทัพเรือได้ไปหารือกับกระทรวงกลาโหมจีน ถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขอชะลอโครงการในปีนี้ออกไปจากสถานการณ์โควิด-19ที่เกิดขึ้น
ทว่านับเป็นการชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือลำที่ 2 และ 3 ออกไปเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเป็นการตัดงบฯ ตามพระราชบัญญัติโอนคืนงบประมาณเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาโควิด -19 วงเงินราว 4,130 ล้านบาท (เป็นงบฯโครงการเรือดำน้ำ 3,375 ล้านบาท) ครั้งที่ 2 ถูกตัดงบฯ ในขั้นกมธ.พิจารณางบประมาณปี 2564 วงเงิน3,925 ล้าน และงบประมาณปี 2565 กองทัพเรือได้ตั้งงบฯประมาณเพียง 900 ล้านบาท แต่ในที่สุดต้องถอนโครงการดังกล่าวออกไปหลังจากถูกโจมตีอย่างหนัก
ไฟต์อันตราย “ลุงตู่”ช่วงขาลงแทบจะไม่เหลือภูมิคุ้มกัน เรือเหล็กรูรั่วเต็มลำ พร้อมอับปางได้ทุกเวลา ดังนั้นการเลื่อนการจัดซื้อ “เรือดำน้ำ”เป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์มีไว้เพื่อโจมตีข้าศึก ออกไป อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลยังฟังประชาชนอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว “กองทัพเรือ”กว่าจะได้เรือดำน้ำลำแรกก็ยากเย็นแสนเข็ญ แต่เรือลำที่สองและสามตามเป้าหมายนั้นยากยิ่งกว่า จากนี้คงต้องรอดูกันต่อไป.