จัดเป็นอีกคนในวงการบันเทิงที่ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น LGBTQ สำหรับ “สุกัญญา มิเกล” ที่ล่าสุดออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือก ในรายการ Z Story Z Holiday ถึงเรื่องการฟ้องหย่ากับสามีคนเก่า พร้อมเผยชีวิตความสัมพันธ์กับลูกสาว
สุกัญญา เผยว่า “ชีวิตคู่คนข้างนอกอาจจะมองว่าหวานมาก ส่วนตัวเราทั้งคู่มองว่าปกติ ก่อนหน้านั้นที่เคยมีครอบครัว จนถึงตอนนี้หย่ามา 5 ปี เข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ ชีวิตขึ้นร้องศาลถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการขึ้นศาลเพื่อฟ้องหย่า เพราะว่าตกลงกันไม่ได้ เราขอหย่า ขอแยก แล้วเขาไม่ยอมแยก หลังจากนั้นก็เลยมีการขึ้นโรงขึ้นศาล ต้องอาศัยตัวกลางด้วย ทีนี้ก็ตัดสินมาว่าแยกลูกกันไป เพราะเรามีลูก 2 คน คนโตก็อยู่กับเขาไป อยู่ในการดูแลของบิดา ส่วนคนเล็กก็อยู่ในการดูแลของเรา แต่สิทธิในการปกครองยังคงเป็นการปกครองร่วมอยู่ ดังนั้นครั้งที่ 2 มันก็เลยเกิดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง เนื่องจากว่าลูกสาวได้มาเที่ยวที่บ้าน แล้วเขาก็เอ่ยมาว่า อยากจะมาอยู่กับเรา ทีนี้พอไปขึ้นศาล กลายเป็นว่าลูกสาวเปลี่ยนใจว่าอยากจะอยู่กับบิดา สิทธิในการยื่นเพื่อจะดูแลบุตรกลายเป็นว่าไม่มีแล้ว ก็กลับมาคงเดิม ความหมายคือ ทุกอย่างต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ตั้งแต่แรกมันไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล พอครั้งที่ 3 ก็คือ เราได้เห็นพฤติกรรมแล้วว่า ต่างคนมันแยกกันมานาน แล้วความสัมพันธ์มันห่างกันมาก หรือใช้คำว่า ต่างคนต่างอยู่ ทีนี้ก็ไม่มีการติดต่อหรือสานสัมพันธ์กัน แล้วเราเองเราจะต้องทำเอกสารให้ลูกชาย เราก็ขอให้เขาพิจารณาช่วยเซ็นเอกสารให้ เพราะว่ายังมีสิทธิในการปกครองร่วม ปรากฏว่าไม่ได้รับการสนับสนุน ก็เลยเกิดครั้งที่ 3 เพื่อที่จะขอสิทธิปกครอง เพราะว่าเราจะทำเอกสารให้ลูกคนเดียว แล้วนั่นหมายความว่า ในเมื่อมันต่างคนต่างอยู่กันไปอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสิทธิเราจากลูกสาวด้วย”
“ส่วนเรื่องตัดลูกสาว สิ่งที่เห็นผ่านสื่อ ก็ตามตามนั้น แต่ประเด็นคือ สื่อเอาไปเล่นกันโดยที่บางคน ไปตีเป็นอีกมุมนึง โดยที่ไม่ได้รู้รายละเอียด ทำให้แม่ดูเลวไปเลย นำเสนอว่าแม่ไม่ดูแลลูก กลายเป็นว่าเราทิ้งขว้างลูก ซึ่งคุณก็ไม่รู้ว่า เราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ระหว่างเรากับครอบครัวเก่าของเรา จริงๆแล้วอยากจะบอกว่า ประเด็นเรื่องของการตัดสัมพันธ์ก็คือเป็นแบบนั้นจริง แต่ว่าลูกสาวก็มายืนยันกับเราว่า เขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้หมดแล้ว เราก็เลยจบหน้าที่นี้ได้ เราก็เลยโพสต์ขึ้นเพื่อที่จะให้คนที่อยู่รอบข้างเรา ที่เป็นเพื่อนของเรา รับทราบร่วมกัน แต่มิได้หมายความว่า เราจะโจมตีลูก หรือทำร้ายลูก สรุปแล้วคือ มีการตกลงกับลูกสาวแล้ว”
สุกัญญา เล่าต่อว่า “ความสัมพันธ์กับลูกสาวตอนนี้เราพร้อมจะเป็นเพื่อนกับเขาได้เสมอ พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ แต่ว่าเราคงจะไม่ขวนขวายหรือว่าโหยหาในฐานะแม่ที่ต้องการจากลูกแล้ว เราให้เกียรติเขาในฐานะผู้ใหญ่คนนึง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการด้วย ก็อยากให้มันจบลงด้วยดีและด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน แต่เรื่องที่เราเป็น LGBTQ ตอนนี้แต่งงานกันมา 2 ปีกว่าแล้ว หลังจากแต่งงานครั้งแรก เรามานั่งตรวจสอบตัวเองก่อน 1 ปี ว่าเราเป็นแบบไหนกันแน่ เราอยากจะมีเพื่อนชีวิตสักคน แต่เราจะมีเพื่อนชีวิตแบบไหนที่ไม่ขัดกับสิ่งที่เราเป็นจริงๆ ดังนั้นขั้นตอนแรกคือ เราต้องค้นหาตัวเองก่อน ภายใน 1 ปี เราก็ได้ค้นพบว่า เราไม่ใช่หญิงแท้ เรายอมรับกับตัวเองเลย เราก็ประกาศให้เพื่อนรับรู้ ว่าจากนี้ไปฉันจะเป็นแบบนี้แล้วนะ เป้าหมายคือ อยากให้คนที่อยู่รอบข้างเรา เข้าใจสิ่งที่เราเป็นจริงๆด้วย มันจะได้ไม่ต้องเกิดความสับสน ที่สำคัญคือลูกจะได้ไม่ต้องสับสน เราคุยกับลูกเลย บอกเขาว่า หม่ามี๊ขอคุยด้วยหน่อย หม่ามี๊เคยแต่งงานแล้ว หม่ามี๊เป็นแม่นะ แต่ตอนนี้หม่ามี๊ไม่เหมือนเดิมนะ ตอนที่หม่ามี๊ตัวเท่าหนู หม่ามี๊เคยเป็นทอมบอยมาก่อนนะ แต่หม่ามี๊ก็มาโดนเบี่ยงให้เป็นผู้หญิง แล้วก็ไปแต่งงาน และมามีลูกนะ แต่ตอนนี้หม่ามี๊ตัดสินใจว่า หม่ามี๊จะกลับไปเป็นคนเดิมที่เติบโตมา เราอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียด แต่แม่คือแม่ ต่อให้หม่ามี๊มีบุคลิกเหมือนผู้ชาย แต่หม่ามี๊คือ คุณแม่ของหนู และรักหนูเสมอ”
“ชีวิตมีความสุขมากค่ะ เคยลั่นวาจาว่าจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย เพราะการแต่งงานคือ พันธสัญญา ว่าคุณกับเรา จะคู่กันไปตลอด แล้วที่สำคัญคือ คุณจอมเขาเข้ากับลูกชายของเราได้ดีมากๆ ตอนนี้ลูกชายสนิทกับจอมมากกว่าเราไปแล้ว ด้วยความที่จอมเขาเป็นคนนุ่มนวล เขารับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตของเรา เสื้อผ้า อาหาร การตื่น การนอน การเรียน เขาละเอียดมาก ส่วนเราจะรับผิดชอบในส่วนของบ้าน แล้วก็ไปคุยกับลูกในเรื่องของอารมณ์ การอบรมนิสัยต่างๆ คือถ้าจะเอาความสนุกสนาน เฮฮาก็มาทางเรา แต่ถ้าอยากจริงจัง บ่นๆหน่อยก็จะไปทางคุณจอม ตอนนี้ลูกชายเรียกเราว่า หม่ามี๊ แล้วเรียกคุณจอมว่า หม่ามั๊วะ แต่ตอนนี้พยายามอยากจะพูดถึงเรื่องว่า เพศที่สามอยู่ด้วยกันแล้วจะสร้างปัญหาให้เด็ก ซึ่งบอกว่าเลยไม่เป็นความจริงค่ะ มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ต่อให้เราอยู่กับผู้ชาย แต่เราเลี้ยงลูกไม่ดี เขาก็มีปัญหา เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับเพศค่ะ และสิ่งสำคัญคือ เรามีลูก เรารักลูกเรา และคนที่เรารักคือ จอม และเขาก็รักลูกของเราด้วย เรื่องนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าเราเจอคนที่ไม่รักลูกเรา เราไม่เอาเข้ามาในชีวิตแน่นอน คุณค่าและการกระทำ ไม่ได้ตัดสินด้วยเพศ ค่ะ”