จากที่ ทีมข่าวกีฬาเดลินิวส์ ได้นำเสนอข่าวเรื่องที่ประเทศไทย จะต้องปรับโครงสร้างการบริหารกีฬาคนพิการในประเทศไทย ภายในเดือน เม.ย.65 หากไม่ได้ดำเนินการจะถูกคณะกรรมการพาราลิมปิกสากล (ไอพีซี) มีคำสั่งลงโทษแบนจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ ที่ ไอพีซี เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับกรณีของประเทศไทย ที่ถูกองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา) ลงโทษมาแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้ง นักกีใา เจ้าหน้าที่ ผู้ฝึกสอนทีมพาราของไทย นั้น

ล่าสุด นายชูเกียรติ สิงห์สูง นายกสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง โดยผู้ที่ให้ข่าวไม่ได้เป็นคณะกรรมสมาคมกีฬาคนพิการฯ ประเภทความพิการใดๆ (5 ประเภท) เลย และไม่ได้เป็นคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทยด้วย จึงไม่รู้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้มีการพูดคุยที่ประชุมคณะกรรมการพาราลิมปิกฯ ไปหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้มีข้อสรุปใดๆ ทั้งสิ้น ขณะที่ สมาคมฯ ได้เสนอแนวทางไป 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. ให้คณะกรรมการพาราลิมปิกฯ ทำหนังสือเรียนปรึกษาไปยังประธานไอพีซี เพื่ออธิบายโครงสร้างการบริหารการจัดการกีฬาคนพิการในไทยในปัจจุบัน ให้ไอพีซี ทราบ แล้วขอเรียนปรึกษา ถ้าโครงสร้างการบริหารจัดการกีฬาคนพิการในไทย ในปัจจุบัน มีข้อติดขัดประการใดหรือไม่, 2. หากประธานไอพีซี แจ้งว่าโครงสร้างการบริหารจัดการกีฬาคนพิการในไทย ติดขัดหรือมีปัญหาไม่เป็นไปตามระเบียบของไอพีซี จะต้องมีการปรับโครงสร้าง ไทยก็ต้องปรับ และต้องตัวอย่างโครงสร้างของประเทศต่างๆ ที่เป็นชาติสมาชิก ที่มีการปรับโครงสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำมาเป็นตัวอย่าง เพราะหากไอพีซี บังคับทุกประเทศ นั่นหมายความว่ากีฬาคนพิการทุกประเทศที่เป็นสมาชิกของไอพีซี ต้องมีการปรับโครงสร้างที่เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมด และ 3. เมื่อได้ตัวอย่างเป็นแนวทางแล้ว ก็ควรตั้งคณะกรรมการศึกษาเรื่องดังกล่าว เพื่อสร้างรูปแบบการปรับโครงสร้างในการพัฒนากีฬาคนพิการในไทย โดยเชิญผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ประชุมร่วมกันเพื่อทราบถึงแนวทาง และร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการพัฒนากีฬาคนพิการมากที่สุด ตามบริบทของประเทศและดำเนินการภายใต้ระเบียบหรือข้อกำหนดที่ไอพีซี ได้วางเพื่อใช้บังคับทุกประเทศที่เป็นสมาชิก

“สมาคมฯ ได้เสนอ 3 ขั้นตอนนี้ เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในที่ประชุม เพื่อแก้ปัญหาที่กล่าวมา แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามลำดับ มีความพยายามของคนบางกลุ่มเท่านั้น ที่พยายามหาเอกสารต่างประเทศต่างๆ มาอ้างอิงและพยายามให้ข่าว สร้างความแตกแยกและเอกสารที่นำมาอ้างอิงกัน ก็ไม่มีการระบุการลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น ที่มาของหนังสือก็ไม่ชัดเจนจนถึงทุกวันนี้” นายกกีฬาคนพิการไทย ย้ำ พร้อมยืนยันด้วยว่าที่ผ่านมา สมาคมฯ ปฏิบัติตามระเบียบของไอพีซี อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องมาโดยตลอด

นายชูเกียรติ ยังมองว่าเรื่องดังกล่าว เป็นการแสวงหาอำนาจเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม เพื่อให้ได้กลับมาทำกีฬาคนพิการ หรือหวังประโยชน์อื่นเท่านั้น และหากจะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ให้กีฬาคนพิการทุกชนิดกีฬาสามารถแยกไปจัดตั้งเป็นสมาคมกีฬาคนพิการชนิดต่างๆ ที่ลงท้ายด้วย “แห่งประเทศไทย” สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยฯ ก็ยินดีสนับสนุน เพื่อจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาที่แท้จริง ไม่ใช่ประโยชน์เพื่อคนใดคนหนึ่ง หรือหวังแค่จะดึงกีฬาที่มีการพัฒนาดีอยู่แล้วไปทำต่อแค่นั้น

“หากมีการปรับโครงสร้างจริงๆ ต้องถามว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะยอมรับการเกิดสมาคมกีฬาคนพิการชนิดต่างๆ ที่ลงท้ายด้วยแห่งประเทศไทย ประมาณ 25-30 ชนิดกีฬาได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่เลือกบางชนิดกีฬาเท่านั้น แต่คงไม่ใช่แนวทางที่จะให้กีฬาคนพิการไปเป็นติ่งหนึ่งของสมาคมกีฬาคนปกติชนิดต่างๆ อย่างนี้ชาวกีฬาคนพิการเขารับกันไม่ได้ เพราะปัจจุบันเรามีระบบการบริหารจัดการของเราดีอยู่แล้ว” นายกกีฬาคนพิการไทย กล่าวทิ้งท้าย