นายสิทธา มูลหงษ์ ผู้ตรวจราชการ ในฐานะโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ​ (พศ.) กล่าวถึงการที่ พระครูสถิตบุญวัฒน์ (ชาญ ถิรปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดด่าน ในฐานะเจ้าคณะเขตยานนาวา ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้กับ​ ส.ต.ต.นรวิชญ์ และ​ ร.ต.ต.นิคม บัวดก ซึ่งเป็นพ่อ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับ​ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย ที่วัดปริวาสราชสงคราม ว่า กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่​ 17 (พ.ศ.2536) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ ข้อ 14 ระบุว่า พระอุปัชชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้ 1.คนทําความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน 2.คนหลบหนีราชการ 3.คนต้องหาในคดีอาญา 4.คนเคยถูกตัดสินจําคุกโดยฐานเป็นผู้ร้ายสําคัญ 5.คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา 6.คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย และ 7.คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้ ดังนั้นพระอุปัชฌาย์ที่ทำการบวชให้พระนรวิชญ์ ต้องทำการสึกให้พระนรวิชญ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้

โฆษก​ พศ. กล่าวด้วยว่า การที่ท่านพระครูสถิตบุญวัฒน์ บวชให้​ ส.ต.ต.นรวิชญ์ อาจเข้าข่ายในข้อ 14 กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 17 (พ.ศ.2536) ​ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ จะถือว่าละเมิดจริยาพระอุปัชฌาย์ ซึ่งระบุโทษตั้งแต่ 1.ให้ถอดถอนจากตําแหน่งหน้าที่พระอุปัชฌาย์ 2.ให้ระงับหน้าที่พระอุปัชฌาย์ชั่วคราวไม่เกิน 2 ปี 3.เรียกตัวมาอบรมชั่วคราวไม่เกิน 1 ปี 4.ให้ทําทัณฑ์บน และ5.ตําหนิโทษเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนจะมีการพิจารณาโทษตามข้อใด และจะเป็นประการใดนั้น เป็นหน้าที่การพิจารณาของเจ้าคณะผู้ปกครองที่สูงกว่าเจ้าคณะเขตยานนาวา ซึ่งก็คือเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร