นายภราดร รามบุตร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล จำกัด (เอชเอ็มดี) ผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือโนเกีย เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของโนเกียในประเทศไทยในปี 65 ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยเน้นใน 4 กลยุทธ์ คือ 1.การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและหลากหลาย ด้วยสมาร์ทโฟนในกลุ่ม ซี และ จี ซีรีส์ ลงตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ให้ผู้บริโภคมีโอกาสทดลองใช้ และสัมผัสฟีเจอร์ ฟังก์ชันคุณภาพต่าง ๆ ที่มาในราคาสมเหตุสมผล รวมถึง เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับบนในกลุ่ม เอ็กซ์ ซีรีส์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งจะเปิดตัวแท็บเล็ตตัวแรกของโนเกียเข้าสู่ตลาดไทย ด้วย

ส่วนกลยุทธ์ที่ 2 คือ ราคา ด้วยการเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะมาพร้อมกับราคาเครื่องที่มีทั้งราคาสำหรับ กลุ่มเริ่มใช้สมาร์ทโฟนในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย ไปถึงรุ่นที่สเปกสูงสำหรับตลาดสมาร์ทโฟนระดับบน ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาจำหน่ายสมาร์ทโฟนโนเกียเฉลี่ยอยู่ที่  2,000 บาทต่อเครื่อง สำหรับกลยุทธ์ที่ 3 คือ การขยายช่องทางขาย เพื่อให้ถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 4,000 สาขา รวมถึงการหาพันธมิตรเพิ่มเติม และขยายช่องทางขายไปยังโมเดิร์นเทรด และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และ อีมาร์เกตเพลสชั้นนำ อาทิ ช้อปปี้ ลาซาด้า เจดีเซ็นทรัล ฯลฯ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคดิจิทัลไลฟ์

และกลยุทธ์ที่ 4 การสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์โนเกียให้แข็งแรงในตลาดไทย เน้นส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค โดยใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่ ขั้นตอนการผลิต วัสดุคุณภาพ​ การทดสอบ ตามมาตรฐานสแกนดิเนเวียน พร้อมความคุ้มค่า คุ้มราคา คงทน ใช้งานได้นาน ซึ่งด้วยกลยุทธ์ทั้ง 4 ด้าน ในปี 65 นี้โนเกียตั้งเป้าเติบโต 100% ในประเทศไทยเมื่อเทียบกับปี 64 ที่ผ่านมาที่เติบโต 50%

“ในปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่ท้าทายในแง่ภาพรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และสมาร์ทโฟนในไทย ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและผันผวน ประกอบกับวิถีชีวิตใหม่ เรียนและการทำงานบนโลกออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในราคาที่สมเหตุสมผล สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ต้องรัดเข็มขัด ทำให้ในปีที่ผ่านมา โนเกียได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคกลุ่มเดิม และกลุ่มใหม่เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเปิดตัว และจำหน่ายฟีเจอร์โฟน สมาร์ทโฟนไปกว่า 5 รุ่น”