น.ส.กัญณฐา อภินนท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ในปีนี้มีอากาศที่เย็นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ลิ้นจี่ พันธุ์ นพ.1 สามารถติดดอกได้มากขึ้นและกำลังพัฒนาเป็นผลขนาดเล็ก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตที่เพิ่มขึ้น รองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่ จ.นครพนม ให้สามารถเข้ามาชิมผลลิ้นจี่แบบสดๆ ที่สวนได้

สำหรับลิ้นจี่พันธุ์ นพ.1 เป็นลิ้นจี่กลุ่มพันธุ์เบา เก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงปลายเดือน มี.ค.หรือ เม.ย.ของทุกปี การปลูกพันธุ์เบามีข้อได้เปรียบคือ ให้ผลผลิตเร็ว ช่วงที่ผลผลิตมีน้อย ทำให้ขายได้ราคาสูง มีความเหมาะสมกับสภาพอากาศของ จ.นครพนม และหลายจังหวัดในภูมิภาคนี้ จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาอย่างต่อเนื่องจากเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้ต้นลิ้นจี่ นพ.1 ที่เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ต่างดูแลรักษา บำรุงต้นให้แข็งแรง ก็เริ่มทยอยออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้น นับว่าเป็นความหวังของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ใน จ.นครพนม ที่ต่างก็ยิ้มดีใจ สภาพอากาศที่เย็นและมีความชื้น ทำให้การติดดอกของต้นลิ้นจี่ นับว่ามีปริมาณที่มาก ซึ่งช่วงนี้เกษตรกรต้องดูแลบำรุงดอกให้สมบูรณ์เพื่อต้นลิ้นจี่ติดผลในปริมาณที่มาก สำหรับลิ้นจี่ พันธุ์ นพ.1 ต้องการสภาพอากาศหนาวเย็นไม่มากและไม่ยาวนานในการกระตุ้นการออกดอก ต่างจากพันธุ์อื่นที่ปลูกในประเทศไทย ซึ่งมีลักษณะที่โดดเด่น คือ รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ผลใหญ่ เนื้อแห้ง ไม่เละ

ลิ้นจี่ เป็นผลไม้ที่มีรสหวานกลมกล่อม มีผู้นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย การปลูกลิ้นจี่มีกระจายอยู่ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย จ.นครพนม เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการปลูกลิ้นจี่ ซึ่งนิยมปลูก เป็นลิ้นจี่พันธุ์เบา คือ ลิ้นจี่ นพ.1 ซึ่งมีความต้องการอากาศที่หนาวเย็นในการกระตุ้นการออกดอก โดยมีขนาดผลใหญ่ 32-36 ผล ต่อกิโลกรัม รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไม่มีรสฝาด เนื้อหนา 0.98 เซนติเมตร ความหวาน 18-20 องศาบริกซ์ และให้ผลผลิต 65-180 กิโลกรัม ต่อต้น เมื่ออายุ 8-10 ปี ซึ่งนับว่าเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา จ.นครพนม อยากให้แวะชิมและเยี่ยมชมสนลิ้นจี่ นพ.1 ซึ่งเป็นพืช Gi ของนครพนม นับว่ามีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ขอเชิญชวนให้ใครที่สนใจสามารถเข้าเยี่ยมชม ชิม ลิ้นจี่ นพ.1 สดๆ จากสวน ซึ่งเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ลิ้นจี่ นพ.1 ที่เปิดให้ได้เยี่ยมชม ชิม และช้อป หรือสั่งซื้อได้ที่ 08-1320-1645 หรือ 06-1309-6720