เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดจากเดิม 10 จังหวัด เพิ่มเป็น 13 จังหวัด เพื่อให้การบริหารจัดการควบคุมสถานการณ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการ พปชร. และผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินสถานการณ์โควิด-19 (ศปฉ.พปชร.) พร้อมทั้ง ส.ส.เร่งเข้าไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างทั่วถึง

โดยการส่งมอบถุงยังชีพ และสิ่งที่เป็นความจำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งประสานส่งตัวผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษา ณ รพ.รัฐ รพ.เอกชน รพ.สนาม และ Hospitel ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่เดือน เม.ย.จนถึงปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือผ่านศูนย์ ศปฉ.พปชร. เพื่อส่งต่อไปยังสาธารณสุขแล้วกว่า 1,000 ราย และในช่วงที่ผ่านได้มีการมอบถุงยังชีพ พร้อมกับดำเนินการดำเนินการส่งข้าวกล่องไปยังพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดค่าครองชีพให้กับประชาชน

หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ พปชร. พร้อมเดินหน้าให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงในแต่ละชุมชนอย่างทั่วถึง โดยมีแผนที่จะขยายพื้นที่ในการมอบถุงยังชีพและข้าวกล่องให้ครอบคลุมชุมชนต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น เนื่องจากขณะนี้ยังมีผู้ประกอบการ ร้านค้าและภาคเอกชนจำนวนมาก ที่ยังติดต่อ และพร้อมให้ความช่วยเหลือผ่าน ศูนย์ ศปฉ.พปชร. เพื่อเป็นศูนย์กลางการส่งต่อไปยังประชาชน และคลัสเตอร์ในพื้นที่ต่างๆ

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนและทีมสมาชิกพรรค พปชร. ได้เร่งส่งมอบถุงยังชีพ และข้าวกล่องไปแล้วหลายพื้นที่ทั้งในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด และ พื้นที่เฝ้าระวัง อาทิ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี  นครปฐม ปทุมธานี นครราชสีมา และเชียงใหม่ เป็นต้น  ซึ่งในสัปดาห์นี้ทางศูนย์ ศปฉ.พปชร. จะเร่งกระจายถุงยังชีพและข้าวกล่องเพิ่มเติมตามความต้องการของชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งหากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งความประสงค์ มาที่ ศปฉ.พปชร. ผ่านสายด่วน Call Center 0-2939-1111 จำนวน 30 คู่สาย หรือ Inbox มาในเพจ Facebook ของพรรคได้ที่  https://www.facebook.com/PPRPThailand/ ซึ่งทางพรรค พร้อมดำเนินการช่วยเหลือต่อไป