จัดเป็นอีกหนึ่งนักแสดงวัยรุ่นรูปหล่อ เซ้นต์ ศุภพงษ์ ที่โด่งดังมาจากซีรีส์วาย และวันนี้จะมาเปิดเผยเส้นทางในวงการบันเทิง พร้อมโต้ข่าวเม้าท์ขายตัว-มีเสี่ยเลี้ยงพร้อมเคลียร์คำครหาทะเลาะกับคู่จิ้นทั้ง 2 คนจนทำงานด้วยกันไม่ได้ ผ่านรายการคุยแซ่บ show แบบจัดเต็ม
เซ้นต์ เผยว่า “งานชิ้นแรกของผมเป็นซีรีส์วายพ่อแม่คือคุณแม่สนับสนุนเลยครับ ซีรีส์เรื่องนี้ทำมาจากนิยาย คุณแม่เป็นคอนิยาย คุณแม่ก็ขอนิยายนี้ไปอ่านก่อนเลย พอผมไปแคสต์แล้ว พอเขาเลือกว่าได้เล่นแล้ว เวิร์กช็อป ก็เอานิยายส่งไปให้คุณแม่ ถ้าเริ่มเรื่องแรกมันยากทุกอย่างเลย เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่เข้าใจการแสดงเหมือนปัจจุบัน เราจะทำยังไงให้คนเชื่อเรา ทำยังไงให้คนรู้สึกไปกับเรา ตอนแสดงบทเลิฟซีน พอเราเล่นทั้งชายชายและชายหญิงมาแล้ว ผมรู้สึกว่าไม่ต่างกันนะ มันจะเป็นความเคอะเขินเหมือนกัน ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงเราต้องให้เกียรติเขามาก เพราะผู้หญิงเราจะไม่ได้สนิทมากเหมือนกับผู้ชายที่จะคุยเรื่องรถ เรื่องบอล ตอนผมเล่นก็เขินนะ จำได้ว่าซีนแรกที่เล่นจูบเลย 10 กว่าเทคเราพยายามจินตนาการให้อินไปกับตัวละคร แต่ผมเวลาเล่นอะไรพวกนี้เสร็จแล้วจะชอบหิวข้าว”
“พอแสดงซีรีส์วายตัวผมพอมีโอกาสได้เล่นซีรีส์ ผมได้เรียนรู้ว่าทุกท้ายความรักมันไม่มีเรื่องเพศ ถ้าเรารู้สึกดีกับใคร รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนที่ใช่ คนนี้ตอบโจทย์เรา ผมก็เลยไม่ได้จัสว่าเราต้องมีความรักแบบระบุเพศ สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำว่ารัก เรื่องโดนดราม่าหรือซุบซิบต่างๆผมรู้ครับๆ บางทีก็จะเห็นเทรนด์ทวิตเตอร์ เราเป็นคนชอบอ่านข่าว ผมเป็นคนชอบอ่านข่านเศรษฐกิจ แล้วชอบเปิดอ่านข่าว ก็จะเห็นข่าวตัวเอง อย่างประเด็นว่าผมเป็นเด็กเสี่ย ตอนนั้นมีข่าวออกมาข่าวนึงเหมือนกันที่บอกว่าเป็นเด็กเสี่ย มีคนเลี้ยง จริงๆ ก่อนเข้าวงการบันเทิงน้องไม่ได้เรียนหนังสือเลยนะ แบบมีคนเลี้ยง อย่างนู้น อย่างนี้ คืออาชีพหลักคือตรงนี้ คือผมก็งงเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่พูดอะไรนะ เราคิดในใจนะว่ามันไร้สาระ เราไม่สนใจ มันไม่มีอะไร แต่ข่าวมันก็มีอยู่เรื่อยๆ เริ่มมีคนถาม”
“ข่าวต่อมาเรื่องครอบครัวตกอับ คุณแม่ผมก็มีความสุข อากงก็มีความสุข ที่บ้านก็มีธุรกิจของเรา มันไม่ใช่ข่าวจริง เราเลยเฉยๆ แต่มันก็มีคนมาถามเยอะ พี่ๆ สื่อมาถาม ข่าวแรงๆที่เข้ามา ณ ตอนนั้นพอหลายๆ คนถาม จริงๆ ผมต้องขอบคุณพี่ๆ สื่อมากเลยครับ เพราะพี่ๆ สื่อน่ารักมาก เจาไปเช็กประวัติเราว่าเรียนที่ไหนมา ครอบครัวทำอาชีพอะไร พอพี่ๆ สื่อออกมาบอกว่าอย่างนี้ๆ ทุกอย่างคือเงียบไปเลย คือทุกคนวิเคราะห์ความจริง คือสิ่งสำคัญที่สุดคือเรารู้ว่าความจริงคืออะไร เมื่อความจริงมันเปิดเผยแล้ว ความจริงที่เกิดขึ้นมันจะคลี่คลายเอง สิ่งหนึ่งที่เราไม่คาดคิดว่างานอาสาที่ผมทำมาทั้งหมด ผมทำโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ได้หวังอะไรเลย คนที่ทำค่ายอาสาเหล่านี้ หรือน้องๆ หลายคนที่เราเคยให้ความสุขเขา หรือเพื่อนที่สนิทกับเราก็ออกมาเล่าเรื่องเราให้คนฟังตอนที่ดราม่า เรารู้สึกว่าเราโชคดีมากที่มีทุกๆ คน มันเป็นความน่ารัก และที่สำคัญผมมีกำลังใจจากแฟนคลับ หรือบางทีเพื่อนๆ เราออกมาพูด เสียงมันดังไม่พอ พี่ๆ แฟนคลับช่วยเอาคำเหล่านี้มาบอกต่อกัน สุดท้ายความจริงมันเปิดเผย เราไม่ต้องอธิบายอะไร ตัวตนเราเป็นคนยังไง สิ่งที่เราอยากจะทำคืออะไร แล้วสิ่งเหล่านี้มันจะจัดการปัญหาในตัวของมันเอง เราแทบไม่ได้พูดอะไรเลย”
เซ้นต์ เผยต่อว่า “เรื่องที่มีคนปล่อยข่าวจริงๆ มันทุกข่าวนะ ทุกข่าวบางทีก็มีคนบอกเรานะว่าคนนี้เป็นคนทำนะ เราก็โอเคครับ เราจะรู้ว่าคนนี้อาจจะไม่ชอบเราหรือเปล่า แต่ว่าข้อหนึ่งผมสบายใจมากนะที่บางคนทำแบบนี้เราสำคัญในชีวิตเขาไง ผมคิดว่าใครนินทาเรา ใครคิดไม่ดีกับเรา พูดไม่ดีกับเรา เพราะเขาสนใจเราไง ถ้าเขาไม่สนใจเรา เขาจะมาทำแบบนี้กับเราทำไม แสดงว่าเราคือคนสำคัญในชีวิตเขาไง แต่คนปล่อยข่าวเป็นคนในหรือนอกวงการ ผมไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน ก็มีทั้งในวงการและนอกวงการแหละ ผมว่าอย่างนั้น เราแค่รู้สึกว่าเมื่อเขารู้ตัวเองแล้ว รู้ทุกอย่างเขาจะแพ้ภัยตัวเองเอง ซึ่งผมไม่เคยเจอกับคนที่พูดใส่ร้ายผมตรงๆ แต่ก็มีคนมาบอก ซึ่งบางครั้งเราก็เห็นนะ เดินเฉียดกีนเขาก็แพ้ภัยตัวเอง เดินหนีเรา เลี่ยงเรา ซึ่งบางทีผมก็เดินไปบอกว่าพี่ไม่ต้องคิดมากนะครับ สิ่งที่พี่ทำผิดแล้ว แล้วพี่รู้สึกว่าผิดผมให้อภัย แต่ถ้าพี่ทำกับคนอื่นต่อพี่ควรพิจารณาตัวเองนะครับว่าสิ่งที่พี่ทำมันถูกหรือเปล่า พี่พูดถึงคนไม่ดีแบบนี้ วันนึงเขาจะไว้ใจพี่เหรอ แล้วเขาก็ไม่ตอบ เขาก็เดินไปเลย ผมเป็นคนตรงๆ ไม่ดีขอโทษ ไม่ชอบก็ยอมรับ ถ้าผมไม่ดีผมยอมรับ เดี๋ยวผมปรับปรุงให้ และมันเป็นเรื่องไร้สาระ ผมไม่ฟ้องไม่อะไร”
“สำหรับประเด็นมีปัญหาคู่จิ้น คนแรก น้องเพิร์ธผมไม่ได้มีอะไรกัน ยังพูดคุยกันอยู่เลย ล่าสุดน้องเพิ่งถูกแฮกไอจีไป ซึ่งผมโดนแฮกก่อน น้องก็ส่งข้อความมาหาว่าต้องทำยังไง สิ่งที่ผมทำอย่างแรกเลยคือผมโทรหาน้องเลย เริ่มจากเพิร์ธไปล็อกเอาต์ออกเลย ลงเมลไหนไว้ เพราะมันจะลิงก์กับแอพอื่นๆ แล้วบอกน้องว่าน้องต้องไปหาตำรวจตรงนี้ ผมก็ถามน้องว่าเป็นยังไงบ้าง ได้ตัวไหม น้องก็เล่าให้ฟัง สรุปคนที่แฮกคือคนที่แฮกผมเลย เขาซ้อนไอพีด้วยนะ บอกว่าเขาอยู่ต่างประเทศ แต่พอเช็ดมาอยู่ในเขตเดียวกับที่แฮกผมจริงๆ ผมกับน้องไม่ได้มีปัญหากันครับ แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าในเรื่องของผู้ใหญ่ผมไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน เขามีอะไรกัน แต่ส่วนตัวผมกับเพิร์ธไม่ได้มีอะไรกัน เราเล่นด้วยกันเรื่องแรก เราโตมาด้วยกัน ผมมองว่าเป็นการทำงานเติบโตมากกว่า”
“กับคุณซี พฤกษ์ ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรขนาดนั้น ผมกับพี่ซีเอง ผมรู้สึกว่าเป็นการเติบโต เพราะว่าพี่ซีก็เล่นซีรีส์เป็นคู่จิ้นเหมือนกันอีกเรื่องนึง มันเป็นในเรื่องของการให้เกียรติกันมากกว่า หลายๆ คนเป็นนักแสดงก็อยากจะเติบโต ผมมองในภาพรวมไม่ว่าจะเป็นซีรีส์วาย หรือชาย หญิง ทุกคนก็อยากจะมีผลงานเรื่อยๆ อยากพิสูจน์ตัวเอง อย่างผมรักงานตรงนั้นมาก ผมเป็นคนชอบท้าทายและผมเชื่อว่าพี่เขาก็อยากทำงานในวงการบันเทิงที่ท้าทายขึ้น สถานะหัวใจของผม ตอนนี้ยังโสดครับ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ เราเปิดตัวเอง แต่ไม่มีใครเข้ามาคุยด้วย สเปกผมตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนต้องมีสเปคแหละ แต่พอจุดจุดนึง พอทำงาน โตมาแล้วเรารู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญมันไม่ใช่สเปค เราไม่ได้จัสว่าต้องอายุเท่าไหร่ ต้องหน้าตายังไง เป็นอะไร แต่แค่รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ และเข้าใจ เพราะว่าผมเป็นคนทำงานเยอะมากนะ ไม่มีเวลา ไม่มีอะไรเลย ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือความเข้าใจ เป็นสิ่งที่มันเติมเต็มเรา เราต้องการแค่ว่าอยู่ข้างๆ แล้วถามว่าวันนี้เราเหนื่อยไหม ถ้าเหนื่อยไม่เป็นไร อยู่กับเขา คือมันเป็นความเข้าใจ แล้วคนที่ใช่ ในเวลาที่ใช่ มันจะใช่เอง”
นักแสดงดังเล่าต่อว่า “ผมโสดมาหลายปีแล้วนะ ตั้งแต่ก่อนเข้าวงการบันเทิง ถามว่าเหงาไหม คือผมทำทุกอย่างตลอดเวลา ก่อนเข้าวงการผมก็เป็นประธานค่ายอาสา มหาวิทยาลัยทำของคณะเยอะเหมือนกัน ธุรกิจไปดูงานตลอด แล้วพอเข้าวงการบันเทิงก็ทำทุกวัน 7 วันเลย เรารู้สึกว่าไม่เหงาหรอก มันมีงานตลอด เวลาเหงาผมคือบอสแคสแล้วก็สวดมนต์ ถ้าเรารู้สึกว่าเราจัสที่หน้าตามันอาจจะไม่ใช่คนที่ทำให้เราสบายใจก็ได้ สิ่งที่สำคัญมันคือนิสัยที่มันเข้ากัน มันก็ย้อนกลับไปที่ความเข้าใจ เขาเข้าใจในสิ่งที่มีความสุข ถ้าเรามีความสุข เราก็ไม่อยากเลิกเลิกทำหรอก เรื่องเพศถ้าโอเคเพศไหนก็ยินดีครับ อันนี้ใช่ครับ ผมยังไงก็ได้ คนที่เข้ามาแล้วเรารู้สึกสบายใจ ถ้าเขาเป็นคนที่ใช่ก็พอ”
“ส่วนข่าวบทไม่เด่นผมไม่รับ ผมก็เจอข่าวนี้เหมือนกัน รับแต่บทพระเอก บทอื่นไม่รับ แต่จริงๆ ผมรับทุกบท แต่มันอยู่ที่ไทม์ไลน์การรับมากกว่า ถ้าผมรับจันทร์ อังคาร พุธไปแล้ว ถ้าผมรับอีกแสดงว่าผมรับงานทับกัน มันเป็นเรื่องของเวลามากกว่า”