ในที่สุดก็ได้ปล่อยผลงานออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟัง สำหรับศิลปินมากพรสวรรค์ พลอยชมพู – ญานนีน ภารวี ไวเกล ที่ส่ง “โลเคชั่น (LOCATION)” เพลงรักจังหวะสนุกที่เจ้าตัวลงมือทำเอง ด้วยเงินก่อนสุดท้าย พร้อมชวน พร้อม – ราชภัทร วรสาร มาร่วมงานด้วย ซึ่งทันทีที่ปล่อยไป ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟน ๆ แบบเกินคาด ตอนนี้ทะลุ 1.3 ล้านวิวไปแล้ว หลังจากปล่อยมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสพูดคุยกับศิลปินสาวทั้งผลงานล่าสุด รวมถึงปัญหากับอดีตต้นสังกัด “เรด เรคคอร์ดส จำกัด (REDRECORDS)” จนทำให้ต้องออกมาฟ้องร้อง พร้อมถามถึงความคืบหน้าในเรื่องคดี นอกจากนี้ยังเปิดกำลังใจสำคัญที่ทำให้ พลอยชมพู ลุกขึ้นสู้ ในวันที่โดนมรสุมพัดกระหน่ำจนอยากยอมแพ้ในการเป็นศิลปิน และชีวิตฟ้าหลังฝนของเธอ รวมทั้งไม่พลาดอัพเดทเรื่องหัวใจด้วย
Q : อัพเดทผลงานเพลงล่าสุด “LOCATION” ในที่สุดก็ได้ปล่อยผลงานแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?
พลอยชมพู : ปลื้มมมาก ๆ พอเราได้เห็นฟีดแบ๊กต่าง ๆ ตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่ปล่อยเลย อ่านคอมเม้นต์แทบไม่ทัน (ยิ้ม) มันโล่งและหายเหนื่อยด้วยค่ะ สำหรับเราก็ปั้นโปรเจ็คต์นี้มานานมาก ๆ เกือบครึ่งปี เหมืนเป็นลูกของเรา และมีความสุขกับมันอยู่คนเดียว จนได้ปล่อยออกสู่สาธารณะสักที
Q : เห็นว่าเขียนเองทั้งหมดด้วย ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน?
พลอยชมพู : จริง ๆ ตอนที่เริ่มทำเพลงหนูยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะแต่งเกี่ยวกับอะไร ตอนนั้นก็ไม่ได้มีฟีลอินเลิฟ ช่วงนั้นชีวิตค่อนข้างน่าเบื่อ (หัวเราะ) แต่ตั้งใจว่าเพลงคัมแบ๊กอยากให้มันสนุก ๆ เบา ๆ บอกตัวตนของเรามีความสดใส เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เลยตั้งใจทำเพลงที่มีความอัพบีตนิดนึง นั่นคือเป้าหมายแรกที่เราเริ่มต้นแต่งเพลงนี้ และพอแต่งไปเรื่อย ๆ เราได้ท่อนเวิร์ส (Verse) ต่าง ๆ จนเหลือแต่ท่อนฮุก ก็มาคิดว่าหัวข้อเพลงจะเป็นอะไรดี เลยรู้สึกว่าพอแอบชอบกันแล้วควรทำยังไงต่อ ก็ควรเป็นการเจอกัน ส่งโลเคชั่นให้กันค่ะ
Q : ดีไซน์ในเรื่องของดนตรียังไง?
พลอยชมพู : ดนตรีครั้งนี้ก็เป็นแนวป๊อปค่ะ ได้พี่ฮาย เปเปอร์ เพลนส์ (Paper Planes) มาช่วยโปรดิวซ์ให้ และช่วยแต่งขัดเกลาด้วย
Q : ทำไมเลือกชวน “พร้อม” มาร่วมเล่นเอ็มวี และร้องฟีทเจอริ่งด้วย?
พลอยชมพู : จริง ๆ เรามีไอเดียอยากทำงานร่วมกับเขาตั้งแต่ก่อนเริ่มแต่งเพลงนี้อีก คือช่วงท้าย ๆ ที่เราจะหมดสัญญากับค่ายเก่าแล้ว เรามองไว้แล้วว่าอยากทำเพลงฟีทเจอริ่งกับใครสักคน แต่นึกไม่ออกว่าใครดี เพราะเราก็อยากหาคนที่ฟีลคล้ายเรา รุ่น ๆ เดียวกับเรา มันเป็นความบังเอิญที่ช่วงนั้นอยู่เยอรมัน และหนูว่างมาก ไม่มีอะไรทำ เลยดูยูทูบเยอะมาก และเพลงของเขาก็เด้งขึ้นมาหน้าฟีดพอดี ตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่รู้สึกว่าแนวเขาคล้าย ๆ กับที่เราอยากทำ เลยติดต่อชวนมาร่วมงานค่ะ
Q : พอได้ร่วมงานกับ “พร้อม” จริง ๆ แล้ว มันเหมือนภาพในหัวที่เราคิดไว้มั้ย มีความประทับใจอะไรเล่าให้ฟังบ้าง?
พลอยชมพู : เขาเอ็นเนอร์จี้เยอะมาก สปิริตในการทำงานสูงมาก (ยิ้ม) เห็นเขาในเอ็มวีเราเห็นเขาอะเลิร์ต แต่ของจริง เขามีความอะเลิร์ตมากกว่านั้นเป็นร้อยเท่า ตอนที่ถ่ายเอ็มวีเขาชวนทีมงานทุกคนคุยได้ทั้งวันเลย เขาคุยเก่งมากจริง ๆ (หัวเราะ) ทุกคนก็เอ็นดู ทำงานด้วยก็สนุก มีแต่เสียงหัวเราะค่ะ
Q : เอ็มวี “LOCATION” เปลี่ยนชุดหลายลุคด้วย ซึ่งสวยทุกลุค เล่าเรื่องราวที่อยากถ่ายทอดในเอ็มวีให้ฟังหน่อย?
พลอยชมพู : จริง ๆ ตอนเริ่มต้นเลย ตั้งแต่ตอนเริ่มแต่งเพลง หนูคาดหวังไว้ต่ำมาก ๆ ว่าเราไม่ได้มีเงินทุนอะไร เรายังคิดอยู่เลยว่าจะหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าทำเพลงทั้งหมด คือมันเริ่มต้นจากเงินแค่สี่หมื่นบาทที่เราเหลืออยู่ คิดว่าจะทำยังไงดี ให้มันสามารถไปรอดได้ แต่พอเราทำเดโม่เสร็จปุ๊บ ก็ส่งให้โปรดักชั่นทีม ที่จะมาทำเอ็มวีดูและบอกว่าอยากทำให้มันดี แต่งบไม่ค่อยมี ก็ให้งานอยู่ในงบเท่านี้นะคะ (ยิ้ม) พอเขาฟังปุ๊บก็เห็นศักยภาพของเพลงนี้ เขาเลยเสนอให้เราลองไปขายสปอนเซอร์ต่าง ๆ ดูมั้ย เราก็เลยลองดูละกัน ก็ช่วยกันทั้งฝั่งของหนุกับคุณแม่ ช่วยหาสปอนเซอร์ ฝั่งเขาก็ช่วยหาลูกค้าด้วย และสถานที่ต่าง ๆ ก็ช่วยกันหาเต็มที่เลยค่ะ ทำให้งานเสกลมันใหญ่กว่าที่เราคาดหวังไว้
Q : เรากลับมาทำงานเพลงครั้งนี้ด้วยงบที่จำกัด และสภาพจิตใจก็เพิ่งบอบช้ำจากเรื่องสัญญา ดังนั้นความยากหรือความท้าทายในการทำงานครั้งนี้คืออะไร?
พลอยชมพู : มันเหนื่อยตรงที่ว่า จุดเริ่มต้นสำหรับหนู ความรู้สึกมันแทบติดลบด้วยซ้ำ เพราะว่าเรามีชื่อเสียงระดับนึงก็จริง แต่เหมือนเราหายไปเกือบ 2 ปี แล้วเงินในการลงทุนแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ พอเราออกมาค่ายเก่าก็มีปัญหากันด้วย มันก็พยายามจัดการหลายเรื่องมาก เช่น ถ้าจะปล่อยเพลง ก็ต้องเตรียมฟ้องร้องเขา เพราะว่าเคยปล่อยเพลง ทำเล่น ๆ พลาง ๆ ไปก่อน เขาก็ตามมาปิด ตามมาเคลมในช่องทางต่าง ๆ จนทำให้รู้สึกว่าถ้าเราปล่อยเพลงจริงจัง มันจะมีปัญหาตามมา ก็ต้องมาหาทนายควบคู่ไปกับการทำงานของตัวเองด้วย มันก็เหนื่อยและเราก็ไม่ได้มีทีมด้วย หลัก ๆ ก็มีหนูกับคุณแม่แค่สองคนที่จัดการทุกอย่าง ยิ่งกว่าหนูคือคุณแม่ที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว ที่คอยช่วยคุย ก็เหนื่อยกัน แต่ว่าเราก็พยายามทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะมีปัญหา มีการขัดข้องบ้าง มากสุดมันก็แค่สะดุดแต่ว่ามันก็ไม่ได้ล้มค่ะ
Q : เห็นฟีดแบ๊กดีมาก แฟน ๆ แสดงความคิดเห็นชมและให้กำลังใจเยอะมาก?
พลอยชมพู : ชื่นใจมากค่ะ (ยิ้ม) เหมือนกับสิ่งต่าง ๆ ที่เราผ่านมา พอเราได้คอมเม้นต์ที่ชมต่าง ๆ เหมือนเขาก็เห็นความตั้งใจของเราด้วย มันทำให้เรามีกำลังใจในการสู้ต่อไป และทำผลงานต่อไป มันทำให้เรามีแรงบันดาลใจในการทำงานในทุก ๆ วันเลยค่ะ
Q : มีความคาดหวังผลงานครั้งนี้ ไว้ยังไงบ้าง?
พลอยชมพู : หนูไม่ได้มองไว้เลยว่ามันจะต้องได้กี่วิว อย่างตอนนี้มันก็คงไปขึ้นชาร์ตอะไรไม่ได้ เพราะยังถูกปิดในสตรีมมิ่งอยู่ ฟังได้แค่ในยูทูบอย่างเดียว คือเราก็คิดว่าแค่ได้ออกเพลงมาได้ และคนได้ฟังมันก็บุญแล้ว (หัวเราะ) แค่ได้ทำงานก็มีความสุขแล้ว ไม่ได้คาดหวังวามันจะต้องดังมากขนาดไหน
Q : หลังจากนี้เราสามารถไปออกรายการ หรือขึ้นเวทีต่าง ๆ ได้มั้ย ยังมีติดลิขสิทธิ์อะไรกับค่ายเดิมรึเปล่า?
พลอยชมพู : ไม่ติดค่ะ จริง ๆ แล้วตามกฎหมายทางค่ายไม่สามารถเอาผิดอะไรหนูได้เลย เพราะว่าตามใบกระดาษก็คือหมดสัญญาแล้ว ถ้าหมดสัญญาทุกมันก็หมดไปแล้ว แต่ปัญหากับค่ายที่มีอยู่ตอนนี้คือความเข้าใจมันไม่ตรงกัน คือเขาเข้าใจว่าพอหนูทำเพลงให้เขาไม่ครบ หนูยังไม่หมดสัญญา แต่ถ้าดูตามสัญญาจริง ๆ หมดอายุวันไหน ก็คือหมดอายุวันนั้น ต่อให้ทำไปแล้วกี่เพลงก็ตาม ซึ่งในจุดนี้พอมันเห็นไม่ตรงกัน และพอเจรจา ไกล่เกลี่ยมาแล้ว ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ ก็ต้องขึ้นศาล เพราะมันมีปัญหาตรงที่เขายังคอยมาปิดเพลงต่าง ๆ ทำให้หนูจำเป็นต้องฟ้องร้อง จริง ๆ หนูไม่อยากทำหรอก มันเสียเวลาชีวิตและเสียเงินเยอะมาก ถ้าเป็นไปได้หนูอยากให้ทุกอย่างจบด้วยดี แต่เราไม่สามารถดำเนินชีวิตและอาชีพเราต่อไปได้ ถ้าเกิดเราไม่ฟ้องร้อง ไม่อย่างนั้นหนูคงไม่สามารถทำเพลงสงบสุขได้ (ยิ้ม) ตอนนี้อย่างน้อยเราก็สามารถที่จะลงเพลงในยูทูบได้ แม้ว่าตอนนี้ในสตรีมมิ่งยังไม่กล้าที่จะเปิดเพลงของหนูก็ตาม เพราะเขาเป็นบริษัทใหญ่ แม้เขาไม่มีหลักฐาน แต่ด้วยชื่อเสียง เครดิตของเขา ทำให้สตรีมมิ่งไม่อยากมีปัญหา แต่ในส่วนอื่น ๆ เช่น รายการต่าง ๆ อันนี้หนูไปออกมาเรียบร้อยแล้ว เขาไม่สามารถกันในส่วนนี้ได้ ถ้าเขาจะกันก็ต้องมีหักฐานว่าหนูยังเป็นศิลปินของเขาอยู่ แต่หนูก็พูดกับพี่ ๆ สื่อว่าหนูอนุญาตเปิดสัญญาให้กับสาธารณะดู เพราะหนูบริสุทธิ์ใจ แสดงความจริงให้กับทุกคนดู หากเขาบริสุทธิ์ใจ ก็อยากให้เขาเปิดให้ทุกคนได้ดูเหมือนกันว่าสัญญามันหมดจริง ๆ มั้ย ถ้าเขายังยืนยันว่าสัญญายังไม่หมด ก็ให้เปิดดูได้เลยค่ะ
Q : เราสามารถนำเพลงเก่า ๆ รวมถึงเพลงที่ออกกับค่าย “Red Records” มาร้องได้มั้ย?
พลอยชมพู : เพลงที่ออกกับค่ายเก่า มีแค่เพลงเดียวค่ะ คือถ้าเป็นเพลงอื่น ๆ ที่มีก่อนมาเซ็นที่ค่ายนี้ หากเป็นเพลงที่หนูเคยทำเองตั้งแต่เมื่อก่อนก็ร้องได้ แต่ถ้าเป็นเพลงที่อยู่ภายใต้ค่ายอื่น ๆ ก็ต้องจ่ายลิขสิทธิเขา ถึงแม้หนูจะร้องก็ต้องจ่ายลิขสิทธิเขา (หัวเราะ) ซึ่งมันทำให้ในอนาคตถ้าหนูจะเซ็นกับใคร ก็ต้องมีเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างเช่น ลิขสิทธิ์ต้องเป็นของหนูด้วย เพราะไม่อยากตกอยู่สถานการณ์ที่สมมุติร้องเพลงไหนแล้วมันดังขึ้นมา พอหนูออกจากค่ายแล้วกลับไปร้องเพลงนั้นไม่ได้ ถ้าจะร้องต้องจ่ายตังให้เขา ทั้งที่เราเป็นคนร้อง ยิ่งถ้าเป็นคนแต่งด้วย ยิ่งแย่เลย (ยิ้ม)
Q : ขออัพเดทเรื่องคดีความที่ฟ้องร้องอดีตต้นสังกัดหน่อย ตอนนี้ถึงไหนแล้ว เพราะอีกฝ่ายบอกว่าจะมีฟ้องกลับด้วย?
พลอยชมพู : เอาจริง ๆ นะคะ เขาควรฟ้องหนูตั้งนานแล้ว ถ้าหนูผิดจริง ๆ เพราะว่ากว่าหนูจะยื่นฟ้อง มันตั้ง 6 เดือนหลังจากที่หมดสัญญาไปแล้ว หนูไม่แน่ใจว่าทำไมเขาต้องรอให้หนูฟ้องก่อนด้วย แต่ว่าในขั้นตอนนี้ทางศาลมาเลเซีย รับฟ้องของหนูเรียบร้อยแล้ว และกำลังรอสำนวนการโต้ตอบของฝั่งคู่กรณี คือไม่เกินสิ้นเดือน ม.ค.นี้ หลังจากนั้นหนูก็ต้องโต้ตอบอีกที ไม่เกินวันที่ 11 เดือนหน้า (ก.พ. 65) คดีจะขึ้นศาลครั้งแรกวันที่ 14 ก.พ. นี้ ถ้าหนูจำไม่ผิดค่ะ
Q : พอมาถึงจุดนี้ ที่ดูเหมือนจะถอยไม่ได้แล้ว ส่วนตัวยังกังวลใจตรงไหนอยู่มั้ย?
พลอยชมพู : ไม่กังวลเลยค่ะ เพราะกว่าหนูจะตัดสินใจยื่นฟ้อง คือหนูคิดมาเยอะมาก ๆ หลายเดือน ปรึกษาทนายหลายเจ้ามาก ไม่ต่ำกว่า 3 ที่ ทั้งในไทยและในต่างประเทศ ซึ่งเราพยายามเช็กให้มั่นใจสุด ๆ ว่าเราไม่ได้ทำตรงไหนผิดจริง ๆ นะ เราถึงจะยื่นฟ้อง เพราะเราก็คิดว่าในเรื่องอะไรแบบนี้ ถ้าเกิดว่าเราผิด หรือปิดบังอะไร แล้วมันถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณะ มันก็กระทบชื่อเสียงของเราด้วย ซึ่งเราอยู่วงการนี้มานาน ก็ไม่อยากให้มันเกิดเหตุพลิกผันอะไร เราต้องมั่นใจจริง ๆ ว่าเราไม่ได้ผิดตรงไหน เราถึงกล้าประกาศฟ้องค่ะ
Q : พอเราแถลงข่าวว่าจะฟ้องร้องไปแล้ว อีกฝ่ายเคยติดต่อหรือเคลียร์กับเราหลังบ้านอีกมั้ย?
พลอยชมพู : ก่อนหน้ามีการเจรจากันค่อนข้างหลายเดือน ซึ่งมันไม่เกิดผลเลย ในคอนดิชั่น (Condition) ต่าง ๆ แม้แต่ว่าคนละครึ่งทางก็ไม่ได้เหมือนกัน เราเลยคิดว่าไม่สามารถไปได้ เพราะที่คุยกันเขายังจะยึดสัญญาเดิม ซึ่งมันหมดแล้ว และเราคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เราคงไม่หาวิธีเอาตัวเองกลับไปจุดนั้น ถ้าเรารู้แล้วว่าสัญญามันหมด เราจะตกลงกลับเข้าไปในสัญญาเดิมทำไม (ยิ้ม) ซึ่งจริง ๆ หนูทำเพลงให้เขาเยอะมาก ส่งให้เขา 10 กว่าเพลง แต่ส่วนมากไม่มีการตอบรับ ทั่วไปถ้าทำงานระบบบริษัทอะไรก็ตาม เราส่งงานให้นายจ้าง ต้องมีการตอบรับว่าผ่านหรือไม่ผ่าน แต่ว่าอันนี้คือไม่มีเลย เป็นการเงียบหายไป แล้วกลับมาเดือนสองเดือน แล้วก็บอกว่ามาทำเพลงกัน ออกเพลงเดือนหน้า แต่ว่าไม่ออก (หัวเราะ) ตอนนี้เราดำเนินทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมายและยินดีที่จะแสดงความร่วมมือกับศาลในทุกขั้นตอน เรามีหลักฐานทุกอย่างที่เรารวบรวมมาเกือบครึ่งปี ค่อนข้างพร้อมค่ะ
Q : แปลว่า ณ วันนี้ทุกคนสามารถจ้างงาน “พลอย” ได้โดยตรง ไม่มีปัญหาแน่นอน?
พลอยชมพู : ไม่มีค่ะ ถึงแม้ฝั่งคู่กรณีจะมี แต่เขาก็สามารถฟ้องบุคคลที่ 3 ได้ เขาฟ้องหนูได้คนเดียว ไม่สามารถไปมีผลกระทบกับผู้คนอื่นได้เลย หนูสามารถทำงานของหนูได้เต็มที่ค่ะ
Q : ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น จนทำให้เราอยากเลิกเป็นนักร้องเลยในตอนนั้น อะไรเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้พลอยกล้าเผชิญและลุกขึ้นสู้เพื่อความฝัน?
พลอยชมพู : จริง ๆ ก็คือคนรอบข้าง ครอบครัว คุณพ่อคุณแม่และเพื่อน ๆ ด้วย ทุกคนเป็นกำลังใจให้ คนที่ใกล้ชิดทุกคนก็รู้ว่าเราเครียดเรื่องนี้ เราบ่นระบายเรื่องนี้กับเขามานานเป็นปี เขาก็พยามเอาใจช่วย บางคนก็ช่วยได้แค่กำลังใจ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า มันก็ยังมีคนที่เขาประคองเราไป จนถึงวันที่พอเราได้พูดเรื่องนี้ออกสื่อ วันนี้ประกาศฟ้อง มันเหมือนปลดล็อคบางอย่างในตัวเรา ที่เรารู้สึกได้ปลดปล่อย มันเป็นเรื่องที่เราเก็บไว้นานเกือบสองปีที่ในอัดอั้นเอาไว้ และหลายข้อสงสัยที่คนถามมาว่าหายไปไหน หรืออะไรต่าง ๆ ในส่วนพวกนี้ก็กระจ่างกับคนอื่นมากขึ้น ทุกคนเข้าใจแล้ว่าทำไมเราถึงหายไป ทำไมเราถึงไม่ได้ทำเพลง
Q : ประสบการณ์ที่ผ่านมา สอนอะไรให้เรามากที่สุด?
พลอยชมพู : หลายอย่างเลยค่ะ ประสบการณ์ครั้งนี้มันทำให้หนูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะต้องดีลกับการขึ้นศาลที่หนูก็ไม่ได้คิดว่าหนูจะต้องมาเจออะไร ในอายุแค่ 20 ต้น ๆ และในเรื่องของการเชื่อใจคน การวางใจคนอื่น มันทำให้หนูเรียนรู้ว่า เราไม่ควรฝากอนาคตของเราไว้กับคนอื่น แม้เขาจะมีเงินมากแค่ไหนก็ตามที่จะมาสนับสนุนเรา สุดท้ายเราก็ต้องเดินตามเส้นทางที่เราคิดว่ามันถูกต้องที่สุด เพราะคนอื่นอาจมีแผนอีกแบบนึงสำหรับเรา แต่สุดท้ายเราเองจะรู้ว่าอะไรดีที่สุด สำหรับตัวเราเองค่ะ
Q : จากเหตุการณ์นี้ทำให้เข็ด จนไม่อยากเซ็นต์สัญญากับค่ายไหนเลยรึเปล่า?
พลอยชมพู : เอาจริง ๆ หนูก็รู้สึกเข็ดอยู่เหมือนกันนะคะ แต่หนูคิดว่าถ้ามีใครติดต่อก็อาจต้องคุยกันอย่างละเอียดก่อน และหนุก็เตรียมคอนดิชั่นสำคัญของหนูไว้แล้ว เช่น การที่ยังไงหนูก็ต้องเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงของตัวเอง เพราะว่าไม่อยากตกในสถานการณ์ที่เอาเพลงตัวเองกลับมาร้องไม่ได้ มันจะมีคอนดิชั่นหลายอย่าง ถ้าเกิดใครที่ต้องการร่วมงานกับหนุแล้วรับไม่ได้ หนุก็คงจะเป็นศิลปินอิสระต่อไป
Q : การใช้ชีวิตในฐานะนักแสดงอิสระ ในยุคที่ทุกอย่างลำบาก รวมถึงในช่วงโควิดด้วย ความท้าทายคืออะไร?
พลอยชมพู : มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ ข้อดีคือคนก็เสพสื่อมากขึ้นด้วย ข้อเสียก็คือการที่คอนเท้นต์มากขึ้น มันก็มีการแข่งขันที่สูงขึ้น และอาจมีความยากต่อการโปรโมตมากขึ้น เช่น เวิร์กฟรอมโฮมอย่างตอนนี้ เราไปเดินสายเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ ออกรายการทีก็ต้องตรวจความปลอดภัย ในเรื่องของโควิดและสุขภาพ มันจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากขึ้น แต่เราก็คิดว่าในตอนนี้โลกมันก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ เราก็ต้องปรับตัวไปตามโลก สำหรับในส่วนของการทำงาน หนูก็คิดว่ามันยังโอเคอยู่นะคะ
Q : นิยามคำว่า “ศิลปิน” สำหรับ “พลอยชมพู” คืออะไร?
พลอยชมพู : สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเป็นศิลปินคือผลงานทั้งหมดมันต้องออกมาจากตัวเราจริง ๆ มันต้องมีความจริงในตัวของมัน ที่ผ่านมาสำหรับหนูรู้สึกว่าทุกครั้งที่หนูถูกยัดเยียดให้ไปอยู่ในกรอบอะไรบางอย่าง เช่น ให้ไปร้องเพลงนึงโดยที่เราไม่ได้รู้สึกว่าเราชอบ หรือมันมาจากตัวเรา หรือเราได้มีส่วนร่วม มันทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราร้องออกมา มันเฟคค่ะ มันไม่มีอะไรที่เป็นตัวเรา ไม่ได้มีหัวใจของเราอยู่ในผลงานของเราเลย นิยามการเป็นศิลปินของหนูก็คือเราก็ต้องเป็นคนที่ปั้นผลงานของเราขึ้นมา แล้วคนจะสัมผัสความเป็นเราในผลงานของเราได้ค่ะ
Q : คิดว่า “รางวัล” ของศิลปินคืออะไร?
พลอยชมพู : สำหรับหนูมันคือการที่เราทำผลงานออกมาแล้วมันอิมแพค (Impact) คนอื่น ต่อให้มันอยู่ในเสกลอะไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องแมส แต่ถ้าเราจะสามารถอิมแพคได้แค่คน ๆ นึง ที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงหรือมีแรงบันดาลใจบางอย่างได้ อันนั้นคือเป้าหมายและเป็นรางวัลสำหรับหนู เพราะมันเคยมีหลายครั้งที่เราได้อ่านข้อความจากแฟนคลับ มีอันนึงที่หนูจำได้ตลอดและเป็นเรื่องราวที่ทำให้หนูมีกำลังใจในการทำผลงานตลอด ก็คือการที่หนูปล่อยเพลง ‘ฟินิช ไลน์ (Finish Line)’ แล้วแฟนคลับคนนี้เขาเป็นโรคโลหิตจาง มันทำให้เขาออกกำลังกายแล้วเหนื่อยมาก แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะลงแข่งวิ่ง และระหว่างวิ่งเขาก็เล่าว่าเขาฟังเพลงนี้ของหนูตลอดทางเลย มันทำให้เขาไปถึงเส้นชัยได้ (ยิ้ม) มันเป็นอะไรที่หนูอ่านครั้งแรกแล้วหนูร้องไห้ มันทำให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำเพลงออกมาให้คนได้ฟังกัน บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าเพลงที่เราทำมามันมีความหมายต่อคนอื่นมากน้อยแค่ไหน เรารู้สึกว่าผลงานของเรา สิ่งที่เราสร้างขึ้นมา เขาอาจมองว่าเราทำให้เขามีความสุข แต่ความจริงคนที่เสพผลงานเราก็ทำให้เรามีความสุขมากกว่าอีก (หัวเราะ)
Q : เป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้คืออะไร?
พลอยชมพู : ถ้าเป็นไปได้ปีนี้หนูอยากทำอัลบั้มค่ะ ถ้ามีเงินทุนมากพอหนูก็อยากทำอัลบั้มเพลงไทยเลย แต่ตอนนี้หนูก็พยายามที่จะดูไปวันต่อวัน วางเป้าหมายในระยะสั้นก่อน ตอนนี้ก็กำลังเตรียมซิงเกิ้ลสอง แต่งตัวเพลงแล้วแต่เหลือพวกโปรดักชั่นต่าง ๆ ทั้งในส่วนของดนตรี และตัวเอ็มวีด้วย เหมือนเราค่อย ๆ ทำไปทีละโปรเจ็กต์ ถ้าเกิดว่าเรารู้สึกว่ามันมีโอกาสที่ใหญ่ขึ้น เราอาจวางเป้าหมายที่ใหญ่มากขึ้น และไม่ได้วางเป้าหมายระยะยาว เพราะตั้งแต่เกิดโควิดมา เรารู้สึกว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เลยคิดว่าเรามีความยืดหยุ่นในเป้าหมายของเราดีที่สุดในตอนนี้ค่ะ
Q : สปอยล์ซิงเกิล 2 ให้ฟังหน่อยว่าจะเป็นแนวไหน?
พลอยชมพู : ยังเป็นเพลงที่มีจังหวะอยู่ แต่อาจมีความดุเดือดขึ้นมาอีกนิดนึงค่ะ จริง ๆ ที่วางแผนไว้อยู่แต่ว่ายังไม่คอนเฟิร์มคือกำลังมองหาคนที่จะมาฟีทเจอริ่งด้วยค่ะ
Q : อยู่วงการมา 12 ปี ณ วันนี้ เวลาคนพูดชื่อ “พลอยชมพู” อยากให้นึกถึงอะไร?
พลอยชมพู : หนูไม่อยากให้คนจำหนูที่ผลงานมากขนาดนั้น แต่อยากให้คนจำหนูที่เป็นตัวหนู เวลาที่เขาสัมผัสเรา หนูอยากให้เขาจดจำหนูในความรู้สึกที่หนูให้เขา อยากให้ทุกคนสัมผัสความเป็นตัวตน ไม่ใช่แค่ในฐานะศิลปินอย่างเดียว ไม่อยากให้คนจดจำแค่เฉพาะเรื่องของการทำงาน แต่อยากให้จำตัวบุคคลและแก่นแท้ของหนูมากกว่าค่ะ
Q : อัพเดทหัวใจบ้าง ณ ตอนนี้ เปิดใจมั้ย?
พลอยชมพู : ก็เปิดใจนะคะ แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไร (หัวเราะ) ในช่วงชีวิตตอนนี้เราก็ไม่ได้คุยกับใครจริงจัง ไม่ได้เรียกใครว่าคนคุย คุยกับทุกคนเป็นเหมือนเพื่อน เอาจริง ๆ ระหว่างเพื่อนผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิง วิธีการคุยของหนูก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ทุกคนเป็นเพื่อนกันหมด ใครทักมาหนูก็คุย ไม่ได้โฟกัสในเรื่องความรักมากขนาดนั้น เหมือนเราปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเอาจริง ๆ ณ วันนี้หนูไม่อยากโฟกัสในความรักมากขนาดนั้น เพราะแค่นี้ในชีวิตหนูก็มีเรื่องเยอะมากพอแล้ว พอมันคุยกับใครแล้วเครียด หนูก็ไม่คุย
Q : คนที่จะเอาชนะใจเรา ในช่วงวัยนี้ได้ ต้องเป็นคนนิสัยยังไง ที่จะเติมเต็มเราได้?
พลอยชมพู : สำหรับหนูต้องการคนที่เขาซัพพอร์ตเรา ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นแฟนคลับนะคะ แต่ให้กำลังใจเรา จริง ๆ มันก็คล้ายแฟนคลับเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แบบสนับสนุนผลงานเรา ช่วยกันทำมาหากิน เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นฐานะอะไร ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน เราก็สนับสนุนผลงานของเพื่อนเรา ทั้งเพื่อนในวงการหรือใครก็แล้วแต่ เขาต้องการการสนับสนุนจากเรา ซึ่งเราก็ต้องการสิ่งนั้นเหมือนกัน มันเหมือนเป็นอะไรที่ไม่ต้องพูดกันอยู่แล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่เราต้องการคือคนที่เขาเชียร์เราค่ะ
Q : นิยาม “ความรัก” ตอนนี้เปรียบเหมือนดนตรีแนวไหน?
พลอยชมพู : เอาจริง ๆ ความรักของหนูตอนนี้น่าจะเป็นแบบเป็นเพลงที่กดมิวท์ (Mute) ไว้ค่ะ (หัวเราะ) ไม่มีเลย คือเงียบมาก มันไม่เลยจริง ๆ
Q : เอาจริง ๆ มีคนเข้ามาจีบบ้างมั้ย?
พลอยชมพู : มันก็มีเป็นช่วง ๆ อย่างปีที่แล้วก็มีคุยแป๊บนึง คือหนูเป็นคนที่รู้สึกว่าคุยกับใครแล้วไม่โอเคเมื่อไหร่ ก็จะเลิกคุย หนูรู้สึกว่ามันเสียเวลา เพราะในมุมมองของหนู ถ้ามันเริ่มต้นคุยและมันไม่โอเค ไม่รู้สึกดี มันก็ไม่ควรดันทุรังต่อไป ทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ หนูดูตัวอย่างจากคนรอบข้าง เพื่อน ๆ คนที่เวิร์กจริง ๆ คือคนที่คุยกันได้เรื่อย ๆ โดยที่มันไม่มีสิ่งใดที่ตงิดใจ มันคุยกันอย่างสบายใจ เหมือนเพื่อนกัน หนูเลยคิดว่าเราเอาสิ่งที่เราเห็นมาเป็นตัวอย่างว่าถ้าเราจะมีความรัก จะคุยกับใคร มันต้องคุยกันแบบเพื่อนได้ก่อน คุยกันได้ไปเรื่อย ๆ โดยที่รู้สึกสบายใจ ถ้าไม่สบายใจหนูก็ไม่คุย (หัวเราะ)
Q : ไม่เกี่ยวเรื่องอายุ?
พลอยชมพู : ใช่ค่ะ รู้สึกว่าทุกคนก็มีความน่าสนใจในตัวเอง เลยไม่ได้มีสเปคว่าต้องอายุเท่านี้ค่ะ
Q : พูดถึงแฟนคลับของเรา นึกถึงอะไรมากที่สุด อยากนิยามความรักของเขาเป็นเหมือนอะไร?
พลอยชมพู : เวลาเห็นแฟนคลับจะนึกถึงสมัยที่หนูเริ่มต้นร้องคัฟเวอร์ เพราะว่าแฟนคลับหลายคนอยู่กับหนูมาตั้งเริ่มต้น บางคนอยู่กันมาก่อนทำคัฟเวอร์ด้วยซ้ำ เรารู้สึกขอบคุณที่เขาติดตามเรามานาน เพราะหนูเริ่มต้นในวงการเป็นสิบปีได้แล้วค่ะ แทบจะเป็นครึ่งชีวิตของหนูแล้ว (หัวเราะ) ก็ขอบคุณเขามากที่สนับสนุนมานานมาก แล้วมันทำให้หนูอยู่ถึงจุดนี้ได้ เขาก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนูในการทำผลงานนี้ต่อไป และทำตามแพสชันของเรา เวลาเราเห็นข้อความที่เขาบอกเราว่า เราเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา มันกลับเกิดแรงบันดาลใจในตัวเรา ให้เราตั้งใจทำงาน และใส่หัวใจของเราลงไปในหัวใจของเราค่ะ
Q : ฝากผลงานและฝากถึงแฟนคลับ?
พลอยชมพู : ขอฝากซิงเกิ้ลใหม่ ‘โลเคชั่น’ ด้วยนะคะ สามารถรับชมเอ็มวีกันได้ในยูทูบ ถ้าเกิดมีสตรีมมิ่งเมื่อไหร่ก็จะมาแจ้งให้ทุกคนได้ทราบกันอีกที และอยากขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจที่ผ่านมา หนูก็พยายามอ่านให้หมดทั้งในดีเอ็มต่าง ๆ ในไอจี เฟซบุ๊ก คอมเมนต์ในยูทูบ ขอบคุณมากที่ให้กำลังใจกันมา หนูก็สู้ต่อไป เมื่อทุกคนให้กำลังใจในการทำสิ่งนี้ต่อไปเยอะมาก ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
ด้วยแพสชั่น และกำลังใจ ทำให้ “พลอยชมพู” ยังคงสู้ไม่ถอยในการทำสิ่งที่รัก พร้อมส่งต่อพลังใจผ่านบทเพลงของเธอ ซึ่งอุปสรรคทำให้เธอนั้นเข้มแข็งยิ่งขึ้น และเชื่อฟ้าหลังฝนของศิลปินสาวหลังจากนี้ต้องสดใสอย่างแน่นอน