คลุกคลีและผูกพันกับดนตรีมาตั้งแต่เด็ก สำหรับ มัตเตโอ โบเชลลี (Metteo Bocelli) ศิลปินอิตาลีสุดหล่อ น้ำเสียงทรงเสน่ห์ ลูกชายสุดที่รักของ อันเดรอา โบเชลลี (Andrea Bocelli) ศิลปินโอเปร่าชาวอิตาลีระดับตำนาน  เจ้าพ่อเพลงคลาสสิคแนวหน้าของโลก ที่เพิ่งบินมาร่วมคอนเสิร์ตในงานเคาทน์ดาวน์ ที่ จ. ภูเก็ต อย่าง “Amazing Thailand Countdown 2022-Amazing New Chapters @ Phuket” ที่ผ่านมา  โดยล่าสุดหนุ่ม มัตเตโอ กำลังปล่อยผลงานใหม่ออกมาฝากแฟน ๆ กับอัลบั้มเปิดตัวที่หมายถึง ผลรวมของ “พรสวรรค์โดยกำเนิด ความหลงใหลที่เข้มข้น และความทุ่มเทอย่างจริงจัง” โดยมีเพลง “โคลส (Close)” ที่จ่อปล่อยในวันที่ 14 ม.ค. นี้ ซึ่ง “บันเทิงเดลินิวส์” มีโอกาสได้พูดคุยกับหนุ่ม มัตเตโอ แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งเรื่องราวในการทำเพลง ความผูกพันและสายใยดนตรีกับคุณพ่อ อันเดรอา รวมถึงความประทับใจที่เขามีต่อเมืองไทยด้วย!

Q : ช่วยพูดถึงซิลเกิลล่าสุดของคุณที่กำลังจะปล่อย อย่าง “Close (โคลส)” หน่อย?

มัตเตโอ : สำหรับ ‘โคลส’ เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของผมที่จะปล่อยในวันที่ 14 มกราคมนี้ ซิงเกิ้ลแรก คือ โซโล่ (Solo) ที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อเดือนกันยายน ผมรู้สึกตื่นเต้นเสมอที่จะได้แชร์เพลงใหม่ ๆ กับผู้คน ซึ่งนี่เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ของผม และผมหวังว่าผลงานทั้งหมดของผมจะได้ปล่อยออกมาในช่วงหน้าร้อนนี้ ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะแชร์มันกับพวกคุณครับ (ยิ้ม)

Q :  อะไรคือความยากและท้าทายในการทำซิงเกิ้ลครั้งนี้?

มัตเตโอ : พูดถึงความยากลำบาก ทุกครั้งที่คุณนั่งลงและเขียนผลงานบางอย่าง มันมีความท้าทายเสมอ แต่เป็นความท้าทายในด้านที่ดี  ในช่วงที่พวกเรากำลังทำเพลงนี้ พวกเราอยู่กันคนละที่เพราะสถานการณ์ล็อคดาวน์  พวกเราเลยต้องทำงานกันผ่านซูม ( Zoom) และผ่านการวิดีโอ คอล (Video Call) และนั่นแหละเป็นสิ่งที่ยากลำบาก (ยิ้ม) เพราะเวลาพวกเราอยู่ในห้องเดียวกัน การจะทำงานด้วยกันมันง่ายกว่า มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกว่า แต่ผมมีความสุขมากกับสิ่งที่พวกเราทำได้ พวกเราตื่นเต้นกันมาก และยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิมอีกในตอนนี้ มันถึงเวลาที่จะได้ปล่อยเพลงนี้ออกมาแล้วครับ

Q : คุณอยากให้แฟนทั่วโลกของคุณได้รับอะไร หลังจากที่ฟังเพลง “Close”?

 มัตเตโอ : ผมหวังว่าพวกเขาจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เพราะชีวิตคือเรื่องของความรู้สึก อารมณ์ และชีวิตที่ปราศจากอารมณ์ก็ไม่น่าจะเป็นชีวิตที่ดี ผมหวังว่าพวกเขาจะสนุกกับเพลง และในสถานการณ์แบบนี้ที่เราไม่มีโอกาสได้ไปชมการแสดงสด มันจึงดีสำหรับคนฟังที่ได้ฟังเพลงใหม่ๆ และผมหวังว่าข้อความที่ผมจะสื่อผ่านเพลงนี้จะทำให้พวกเขามีความสุขและสนุกกับช่วงเวลานั้นๆ กันครับ

Q : คุณคลุกคลีกับดนตรีและเล่นเครื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ณ วันนี้ “ดนตรี” มีความหมายยังไงกับคุณ?

มัตเตโอ :  ดนตรีมีความหมายสำหรับผมมาก ๆ ครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาดนตรีก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแล้ว พ่อผมร้องเพลงและฟังดนตรีทุก ๆ วัน เมื่อผมอายุได้สัก 6-7 ขวบ เขาก็เริ่มแนะนำดนตรีให้กับผม เมื่อผมเริ่มเล่นเปียโนทุกอย่างมันก็เริ่มต้นตรงนั้น การร้องเพลงเป็นความชอบส่วนตัวของผมมาตลอด เพราะผมแอบร้องเพลงคนเดียว ในตอนเด็กผมขี้อาย (ยิ้ม) ผมเปิดใจบอกพ่อและครอบครัวในช่วงวัยรุ่นที่ผมโตขึ้นมาหน่อย และทุกๆ อย่างมันก็เริ่มจากตรงนั้น ผมเริ่มร้องเพลงให้พ่อ ครอบครัว และและเพื่อน ๆ ฟัง และผมสนุกกับมันมาก เหตุการณ์ในชีวิตมันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ จากวันที่พวกเราปล่อยเพลง ‘ฟอลโลว์ มี (Follow me)’  ที่ซึ่งจริง ๆ แล้วพ่อผมจะอัดไว้ใช้เป็นเพลงตัวอย่างสำหรับอัลบั้มของเขา แล้วมันกลายมาเป็นการร้องคู่ระหว่างผมกับพ่อ มันกลายเป็นผลงานเพลงแรกของผมที่เปิดประตูสู่หลายๆ อย่าง ผมได้รับเกียรติเซ็นสัญญากับค่ายเพลง ‘แคปิทอล เรคคอร์ดส (Capitol Records) ในลอสแอนเจลิสจนผมมาอยู่จุดนี้ได้ เป็นชีวิตในฝันของผมเลยครับ (ยิ้ม)

Q : สำหรับคุณแล้ว ระหว่าง “พรสวรรค์” กับ “การฝึกซ้อม” สิ่งไหนสำคัญกว่ากัน หรือคุณให้คำนิยามกับมันยังไง?

มัตเตโอ : คือมันไม่ใช่ตัวเลือก ที่คุณสามารถเลือกได้ระหว่างสองสิ่งนี้ เพราะคุณจะต้องมีมันทั้งคู่ พ่อผมพูดเสมอว่าความสำเร็จสร้างได้จาก 2 องค์ประกอบ นั่นคือ ‘พรสวรรค์’ ซึ่งมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ให้ได้ และแน่นอนเทคนิคที่คุณต้อง ‘ฝึกซ้อม’ การฝึกซ้อมนั้นไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ ผมไม่รู้ว่าผมมีความสามารถนั้นรึเปล่า ผมหวังว่าผมจะมีนะ เราคงเห็นกันในอนาคตจากผลงานเพลงที่ผมจะปล่อยออกมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมมีความสุขมากและสนุกกับสิ่งที่ผมได้ทำครับ

Q : การเป็นศิลปินในช่วงที่โรคโควิด 19 ยังคงแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ ซึ่งทำให้คุณไม่สามารถไปแสดงสดได้ในบางประเทศ หรือบางสถานที่ คุณปรับตัวให้กับสถานการณ์เหล่านี้ยังไง และมีความคิดยังไงต่อเรื่องนี้?

มัตเตโอ :  ผมพยายามที่จะมีมุมมองทั้งแง่ดีและแง่ร้าย (ยิ้ม) ในตอนนี้ผมพยายามจะมองมันในด้านบวก สำหรับผมสถานการณ์โรคระบาดนี้ช่วยให้ผมเข้าใจดนตรีและเสียงของตัวเองมากขึ้น ผมมีโอกาสได้ฝึกซ้อมมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น ผมเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยสำหรับคนอื่นๆ สำหรับผมด้วย แต่ด้วยสิ่งที่เรามี เราก็ต้อพยายามให้เต็มที่ และผมหวังว่าทุกๆ อย่างจะกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนี้ครับ

Q :  ถ้าให้นิยาม “ความรัก” ของคุณเป็นแนวดนตรี คุณคิดว่าจะเป็นดนตรีสไตล์ไหน?

มัตเตโอ : ผมมักจะนิยามตัวเองว่าเป็น ‘คนโรแมนติก’ (ยิ้ม) ผมชื่นชอบเพลงรัก ดังนั้นผมคิดว่าคงเป็นสไตล์เพลงรัก โรแมนติกครับ

Q : มาพูดถึงคุณพ่อของคุณบ้าง คุณ “อันเดรอา โบเชลลี” นั้นเป็นแรงบันดาลใจ ในการเป็นศิลปินให้แก่คุณ ในเรื่องใดบ้าง?

มัตเตโอ : แน่นอนครับ พ่อของผมเป็นคนแนะนำดนตรีเข้ามาในชีวิตผม อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเขาใช้เวลากับดนตรีทุกๆ วัน ดนตรีจึงเป็นส่วนนึงของชีวิตผม และเขาเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาก ทั้งในด้านของความรักและการทุ่มเทให้กับงานของเขา ในด้านความรู้สึกที่เขามอบให้ผ่านเสียงเพลง ผมรู้สึกขอบคุณเขามาก (ยิ้ม) เขาเป็นแบบอย่างที่สำคัญให้หรับผมและผมขอบคุณเขามาก ๆ ครับ

Q :  ตอนที่คุณตัดสินใจ ที่จะมาทางด้านดนตรีอย่างจริงจัง คุณพ่อของคุณได้ให้คำแนะนำยังไงบ้าง?

 มัตเตโอ : ก่อนที่ผมจะตัดสินใจ พ่อผมเป็นห่วงผมมาก เพราะเขารู้ว่าอุตสาหกรรมดนตรี ธุรกิจดนตรีเป็นยังไง มันไม่ได้มีแค่ความสวยงามของดนตรี มันมีอีกหลายอย่างอยู่เบื้องหลัง มันไม่ได้อันตรายแต่คุณก็ต้องระวัง บางครั้งผู้คนชอบคิดว่าพ่อผมเป็นคนผลักดันผมสู่เส้นทางอาชีพนี้ แต่มันตรงกันข้ามเลย เพราะสำหรับเขา เขาอยากให้ผม น้องชาย หรือลูก ๆ ของเขามีดนตรีเป็นส่วนนึงของชีวิต แต่ไม่ใช่ในลักษณะของอาชีพ ดังนั้นเมื่อผมตัดสินใจจะเป็นนักร้อง เขาได้ให้คำแนะนำผมมากมาย และส่วนใหญ่เป็นคำแนะนำที่ผมเคยได้รับมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว จากการตามติดเขาทำให้ผมได้เห็นว่าเส้นทางอาชีพเขาเป็นยังไงครับ

Q :  เนื่องจากคุณนั้นเป็นลูกชายของ “อันเดรอา โบเชลลี” ซึ่งเป็นศิลปินระดับตำนานของอิตาลี และยังเป็นเจ้าพ่อดนตรีคลาสสิกระดับโลก สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกกดดันในการทำดนตรีบ้างมั้ย เพราะคุณอาจโดนจับตามองหรือเปรียบเทียบความสำเร็จกับคุณพ่อของคุณ? 

 มัตเตโอ :  แน่นอนครับ ผมรู้ว่าผมมีความรับผิดชอบมากมาย (ยิ้ม) แต่เมื่อคุณหลงรักอะไรสักอย่างคุณจะลืมทุกอย่างไปเลย และความกลัวมันก็จะหายไป อีกสิ่งที่ช่วยผมในเส้นทางอาชีพนี้เลยคือผมมักจะมองพ่อของผมผ่านมุมมองของลูกชายคนหนึ่ง ไม่ใช่มุมมองของคนนอกครอบครัว สำหรับผมเขาไม่ใช่นักร้องเพลงคลาสสิคที่โด่งดังระดับโลก แต่เป็นพ่อที่ดีมากๆ คนหนึ่งครับ (ยิ้ม)

Q :  หากมีโอกาสได้ร่วมงานกับคุณพ่อของคุณ คุณอยากทำดนตรีสไตล์ไหนและอยากถ่ายทอดเกี่ยวกับอะไรดี?

มัตเตโอ : ปกติแล้วเวลาทำเพลงด้วยกัน เราชอบร้องโอเปร่า เพราะมันเป็นตัวเลือกแรกของพ่อผมเสมอ (ยิ้ม) เขาหลงใหลมันมาก และผมเองก็ชอบมัน ด้วยการได้ใช้เวลากับเขาทำให้ผมได้เข้าใช้เทคนิค ลูกเล่นและคำแนะนำต่างๆ ครับ

Q : ล่าสุด “อันเดรอา โบเชลลี” คุณพ่อของคุณ ได้มีโอกาสมาร่วมงานคอนเสิร์ตเคาทน์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ของประเทศไทยที่ จ.ภูเก็ต รู้สึกยังไงบ้าง?

มัตเตโอ :  ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ครับ (ยิ้ม) เพราะก่อนหน้านี้พวกเราแสดงคอนเสิร์ตมากมายเลยในอเมริกา แต่ช่วงเวลาแบบนี้ เราไม่มีโอกาสได้ขึ้นคอนเสิร์ตสดเท่าที่ควรในปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลาแบบนี้พวกเราจึงสนุกกับทุก ๆ วินาทีของการเล่นคอนเสิร์ตครับ ผมตื่นเต้นมาก และผมรักเมืองไทยครับ

Q : คุณและคุณพ่อ เคยมาประเทศไทยมาก่อนมั้ย และมีความทรงจำหรือความประทับใจอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยบ้าง?

มัตเตโอ : นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ผมมาเมืองไทย ครั้งแรกคือเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ผมไปที่กรุงเทพฯ มันยอดเยี่ยมมากเลย ผมมีความทรงจำที่สวยงามมากมายที่ผมนำติดตัวมา และผมพูดถึงมันบ่อยมากๆ ผมได้ใช้เวลาร่วมกับนักเปียโน ผู้จัดการและเพื่อนๆ ของผม พวกเรามีโอกาสได้เห็นวัฒนธรรมไทยต่างๆ ได้ไปตลาด ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของอาหารไทยที่ผมชอบมาก ผมหวังว่าครั้งนี้ผมจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ มากขึ้นเกี่ยวกับสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ครับ (ยิ้ม)

Q : ท้ายสุดมีอะไรที่อยากบอกถึงแฟน ๆ ชาวไทยบ้าง?

มัตเตโอ : ถึงแฟนๆ ชาวไทย ผมหวังว่าพวกคุณจะได้รับฟังซิงเกิลใหม่ของผม ที่จะปล่อยในเดือนมกราคมนี้ ผมหวังว่าจะได้กลับมาอีกเร็วๆ นี้ พร้อมกับการแสดงดนตรีสดของผม รักพวกคุณมาก จากมัตเตโอครับ (ยิ้ม)

ด้วยพรสวรรค์ การไม่หยุดพัฒนา และความรักในดนตรีของ “มัตเตโอ โบเชลลี” เชื่อว่าแฟนทั่วโลกจะได้ฟังผลงานแสนพิเศษของเขาอีกมากมายแน่นอน!

วันวิสาข์ ดอกเงิน / ภาพ : Luca Rossetti