รถคลาสสิกที่เริ่มจากการฉลองชัยชนะระดับตำนานที่ตื่นตาตื่นใจของรถยนต์ “มินิ คูเปอร์ เอส” สุดคลาสสิกในรายการมอนติคาร์โล แรลลี่ ปี 1964 ด้วยมินิ แพดดี้ ฮ็อปเคิร์ก อิดิชั่น รถยนต์มินิ 3 ประตู รุ่น ลิมิเต็ดพร้อมอวดโฉมแบบไม่ซ้ำใครในลุคใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งมินิระดับตำนานด้วยชุดแต่งทั้งภายนอกและภายในห้องโดยสารที่สืบทอดชื่อของนักขับชาวไอร์ แลนด์เหนืออย่าง “แพดดี้ แพทริค ฮ็อปเคิร์ก” ที่มาให้ชาวไทยได้เป็นเจ้าของเพียงแค่ 37 คัน ซึ่งตรงกับหมายเลขประจำรถของฮ็อปเคิร์กเมื่อครั้งที่คว้าชัยครั้งประวัติศาสตร์

เมื่อปี ค.ศ. 1964 มินิ คูเปอร์ เอส รุ่นคลาสสิกสามารถคว้าแชมป์ในรายการมอนติคาร์โล แรลลี่มาครองได้เป็นครั้งแรกก่อนก้าวสู่สถานะแชมป์ 3 สมัยในเวลาต่อมา โดยสนามนี้มีนักขับชาวไอร์แลนด์เหนือชื่อ “แพดดี้” และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติ ศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ต มินิจึงนำเสนอรถยนต์รุ่นพิเศษที่มาพร้อมรูปลักษณ์และอุปกรณ์แบบเฉพาะตัว โดยเริ่มจากเลข “37” ซึ่งเป็นหมายเลขประจำรถของฮ็อปเคิร์ก ประทับอยู่บนประตูทั้ง 2 ฝั่ง

ด้วยลักษณะความคล่องตัวและแม่นยำของตัวรถ ทำให้สามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรคทั้งถนนในชนบท เส้นทางบนภูเขา หรือแม้แต่โค้ง ทางลาดชันที่สุดความท้าทาย และจากชัยชนะทำให้จุดประกายและเกิดแรงบันดาลใจของการทำมินิรุ่นพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ

มินิ แพดดี้ ฮ็อปเคิร์ก อิดิชั่น นำมินิ คูเปอร์ เอส รุ่น 3 ประตู มาเสริมลุคใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวในสไตล์เดียวกับรถคันเดิมของฮ็อปเคิร์ก ด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลาย Cosmos Spoke สีดำ ดูโดดเด่นด้วยการเล่นสีดำวาวที่ล้อพร้อมยางรันแฟลต ขณะที่กรอบและซี่แนวนอนของกระจังหน้าสีดำมันวาว ด้ามจับประตูหลังโลโก้มินิ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และกรอบไฟหน้า-ไฟท้าย ส่วนตัวรถสีแดง Chill Red ตัดกับหลังคาสีขาวแบบเดียวกับมินิรุ่นคลาสสิกของฮ็อปเคิร์ก

ไฟหน้าแบบแอลอีดี และไฟท้ายลายธงยูเนียน แจ็คในแบบฉบับของมินิ แล้วมินิ แพดดี้ ฮ็อปเคิร์ก อิดิชั่น ยังแตกต่างด้วยสติกเกอร์ลายอักษร “Paddy Hopkirk Monte Carlo” และแถบสีขาวที่คาดอยู่บนกระโปรงหน้ารถฝั่งคนขับที่ประดับด้วยลายเซ็นของแพดดี้ พร้อมเลขทะเบียน 33EJB ของมินิคันแชมป์ปี ค.ศ.1964 ที่ปรากฏอยู่ในแถบขาวด้วยลายกราฟิกแบบ 3 มิติ เช่นเดียวกับประตูท้ายตกแต่งด้วยลายเซ็นของนักขับชาวไอร์แลนด์เหนือด้วย

สำหรับห้องโดยสารยังมีลายเซ็นของฮ็อปเคิร์กประดับที่แผงคอนโซลหน้ารถฝั่งผู้โดยสารกลมกลืนเข้ากับวัสดุผิวหน้าแบบเปียโน แบล็ก ไฮ กลอสส์ ส่วนกาบบันไดที่พื้นห้องโดยสารทั้ง 2 ข้างนั้นเตะตาด้วยป้ายแอลอีดี ที่ระบุชื่อแพดดี้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมชุดแต่ง Mini Excitement และ Comfort Access รวมถึงอุปกรณ์เสริมอย่างไฟหน้าสำรองในกรอบสีดำเปียนโน แบล็ก กุญแจรถที่ประทับด้วยหมายเลข 37 และแถบสีดำเปียโน แบล็กที่ลากตัดระหว่างตัวถังรถกับกระจังหน้า ข้าง และด้านหลังรอบด้านด้วยรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลัษณ์ของ มินิ คูเปอร์ เอส ในแบบลิมิเต็ดแล้ว

ด้านฟิลลิ่ง การขับก็ร้อนแรงไม่เบา ด้วยการใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบตัวเดียวกับมินิ คูเปอร์ เอส 3 ประตู ส่งกำลังสูงสุด 192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตรที่รอบต่ำ 1,350-4,600 รอบ/นาที ทำงานประสานกับระบบเกียร์แมนน่วล ทรานส์มิสชั่น ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะสามารถทำให้อะดรีนาลินถูกกระตุ้นตั้งแต่ออกตัวที่ทำให้รถพุ่งทะยานได้ดั่งใจ

ทั้งคล่องตัว ฉับไวจนลืมไปเลยว่ารถคันนี้เป็นเกียร์ธรรมดาส่งกำลังให้กระโจนโดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระว่าเปลี่ยนเกียร์ท่ามกลางรถติด ๆ จะเหน็ดเหนื่อยให้ความรู้สึกเกียร์ติดมือ เนื่องจากขับสนุกได้ทั้งขับในเมือง หรือขับทางไกลความเร็วสูงก็ทำได้ดีหลังติดเบาะแทบไม่รู้ตัว ด้วยช่วงล่างดีไม่เสียชื่อมินิ เกาะหนึบแน่นมั่นใจ พวงมาลัยแม่นยำสูงมาพร้อมกับฟังก์ชันที่ใช้งานกำลังดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ถ้าถามความคุ้มค่าแล้วต้องบอกเลยว่าพร้อมที่จะแตกต่างอย่างมีสไตล์แบบลิมิเต็ด อิดิชั่น กับค่าตัว 2.91 ล้านบาท มาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา