งาน “เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ”ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว หลังเปิดฉากมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 และมีกำหนดจัดแสดงถึง วันที่ 31 มี.ค.65 รวมระยะเวลา 6 เต็ม

สำหรับในส่วนของ “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน” หรือ “อาคารแสดงประเทศไทย” ก็ยังได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชมงานอย่างต่อเนื่อง โดยติดเป็น 1 ใน 5 อาคารยอดนิยมเลยทีเดียว!!

ทาง “เดลินิวส์” มีโอกาสได้มาพูดคุยกับผู้ที่ทำหน้าที่เป็น “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์” ตัวแทนประเทศไทยในการทำหน้าที่ประจำนิทรรศการอาคารแสดงประเทศไทย

โดยมีภารกิจสำคัญในการเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของไทยสู่สายตาคนทั่วโลก และสร้างความเชื่อมั่นให้นานาประเทศได้รับรู้ถึงศักยภาพ และความพร้อมในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล

ซึ่งก็คือ “น้องพลอย-น.ส.พลอยไพลิน นิลพันธ์” และ  “น้องพี-นายก่อกิจ วัยนิพิฐพงษ์” 2 ใน 25 ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครทั้งหมดกว่า 500 คน

โดย น้องพลอย และน้องพี ร่วมกันบอกว่า หลังจากได้รับการคัดเลือกในการทำหน้าที่ ได้เดินทางมาทำงานที่ อาคารแสดงประเทศไทย ณ เมืองดูไบ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.64 และต้องอยู่ทำงานยาวถึงวันจบงาน คือวันที่ 31 มี.ค.65 รวมระยะเวลาที่ต้องห่างบ้าน มาทำงานที่ดูไบ เป็นเวลามากกว่า 6 เดือนทีเดียว

น้องพี เล่าถึงหน้าที่ในการทำงานที่ อาคารแสดงประเทศไทย ว่า จะมีหน้าที่หลักๆ คือ การประจำห้องนิทรรศการต่างๆ ใน ไทยแลนด์ พาวิลเลียน ซึ่งทั้ง 25 คน จะสามารถ รันงาน พาวิลเลี่ยน ได้ทั้งหมด โดยจะมีการสับเปลี่ยนหน้าที่ไปในแต่ละวัน เช่น วันนี้อยู่ ห้องนิทรรศการที่ 1 วันต่ออาจจะไปประจำที่ห้องนิทรรศการที่ 2 หรือ 3 ก็ได้ โดยจะมีการสลับหมุนเวียนกับเพื่อนๆ

“การประจำที่ห้องนิทรรศการ จะดูความเรียบร้อยต่างๆ ให้ข้อมูลอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามาชม รวมถึงการแนะนำการใช้เครื่องมือ เช่น สมาร์ทโฟน เพื่อสแกนดูและรับชมข้อมูลต่างๆภายในอาคารแสดงประเทศไทย”

น.ส.พลอยไพลิน นิลพันธ์

ด้านน้องพลอย เล่าเสริมว่า ในแต่ละวันจะได้รับมอบหมายงานที่ต่างกันไปในแต่ละวัน แต่หลักๆจะเป็นการทำงานในอาคารแสดงประเทศไทย นอกจากนี้หากวันไหนมี “สเปเชียล อีเวนต์” ก็อาจจะโดนดึงตัวไปช่วยงาน เช่น ในงานวันชาติ ก็จะมี แอมบาสเดอร์ บางส่วนถูกดึงตัวไปเล่นดนตรี หรือ ไปแสดงรำ ฯลฯ

นอกจากนี้ ก็จะมีอีเวนต์ ที่ต้องไปทำร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ของอาคารแสดงประเทศอื่นๆ เช่น การแข่งกีฬา รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่ได้รับเชิญไปร่วมกิจกรรมเพื่อทำความรู้จักและเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ

สำหรับการเดินทางมาทำงานได้ประมาณ 3 เดือนนั้น น้องพลอย และน้องพี บอกว่า ได้ประสบการณ์มากมาย เพราะในแต่ละวันจะต้องเจอคนใหม่ๆทุกวัน และเราไม่รู้ว่าคนที่มาจะเป็นรูปแบบไหน อาจจะมีทั้งคนใจร้อนและใจเย็น ซึ่งจากที่อาคารแสดงประเทศไทยได้รับความนิยมมาก บางช่วงเวลาต้องเข้าคิวรอเข้าชม บางคนอาจจะรอไม่ได้ เราก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจเรื่องกฎระเบียบในการเข้าชม ฯลฯ ส่วนการทำงานมาถึงในตอนนี้ก็มีความเรียบร้อย ไม่มีอะไรติดขัด

ด้านน้องพลอย บอกว่า สำหรับตัวเองในการทำงานครั้งนี้ ได้สกิล หรือทักษะในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทำหน้าที่ตรงนี้ เสมือนเจ้าของบ้านที่คอยรับแขกที่เข้ามาเยี่ยมบ้านเรา เวลาที่ผู้เข้าเยี่ยมชมอารมณ์ร้อน เราก็ต้องหาทางพูดให้เขาเข้าใจและใจเย็นลง หรือหากมีปัญหาเกิดขึ้น เราก็ต้องหาทางออกในทันที

นายก่อกิจ วัยนิพิฐพงษ์

ด้าน น้องพี บอกว่า ก็เหมือนกับพลอย ที่ได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการทำงานเป็นทีม ทุกคนต้องช่วยเหลือกัน ไม่ใช่แค่การทำงานโดยใครคนใดคนหนึ่ง แต่ คือ “ทีมไทยแลนด์” ด้วยกัน และยังได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมอาคารแสดงของประเทศอื่นๆ ได้แลกเปลี่ยนทำความรู้จักกับเพื่อนชาวต่างชาติใหม่ๆ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียว

“ด้วยงานนี้เป็นงานอีเวนต์ระดับโลกจึงคิดว่าสามารถนำประสบการณ์ที่ได้จากงานนี้ ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานในอนาคต เมื่อกลับไปประเทศไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ฯลฯ”

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลตอบรับของ อาคารแสดงประเทศไทย ในสายตาของผู้เข้าเยี่ยมชมชาวต่างชาตินั้น น้องพี และ น้องพลอย บอกว่า จากที่ได้พูดคุยกับผู้เข้าที่มาเยี่ยมชม ส่วนใหญ่บอกว่า ได้ยินมาว่าอาคารแสดงประเทศไทยติดอันดับท็อป คนพูดกันว่าดีมาก จึงอยากมาลองเยี่ยมชมด้วยตัวเอง และก็มีนักท่องเที่ยวบางคนเมื่อเยี่ยมชมจบแล้วเดินเข้ามาชมบอกว่า อาคารแสดงประเทศไทยดีที่สุดแล้ว ที่ได้เดินชมงานมา จึงรู้สึกประทับใจมาก

“การจัดงานครั้งนี้มีพื้นที่ใหญ่มาก มีการจัดแสดงถึง 3 โซน และอาคารแสดงประเทศไทย ตั้งอยู่ในโซนโมบิลิตี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาคารแสดงประเทศไทย ดีที่สุดในโซนโมบิลิตี้แล้ว จนมีการนำไปพูดบอกปากต่อปาก ว่า หากมาในโซนโมบิลิตี้ จะต้องมาเยี่ยมชมอาคารแสดงประเทศไทย ซึ่งการนำเสนอที่แตกต่างจากของประเทศอื่นๆ มีการบอกเล่าเรื่องราว จึงทำให้ได้รับความสนใจจำนวนมาก”

อย่างไรก็ตามการที่ต้องเดินทางมาทำงานยังต่างบ้านต่างเมืองและอยู่ยาวเป็นเวลา 6-7 เดือน น้องๆทั้งสองบอกว่า ก็ทำให้คิดถึงประเทศไทย คิดถึงครอบครัว และอาหารไทย ซึ่งหลังได้รับการคัดเลือกให้ทำหน้าที่นี้ ทางครอบครัวก็สนับสนุนให้มา และพอดีกับต้องพักงานประจำจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า หากคิดถึงพ่อแม่ที่อยู่ไทย ก็ใช้วิธีเฟซไทม์ และวิดีโอคอล พูดคุยกัน ก็ไม่ได้ทำให้เหงา ยังรู้สึกสนุกกับงานที่ได้ทำอยู่ และเพื่อนๆ แอมบาสเดอร์คนอื่นๆ ก็คอยช่วยเหลือกันตลอด จึงรู้สึกอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกโฮมซิกแต่อย่างใด

สุดท้าย น้องๆ ทั้งสอง บอกว่า สำหรับพี่น้องคนไทย ถ้ามีโอกาสเดินทางมาที่ดูไบ อยากเชิญชวนมาเที่ยวงาน “เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ” และมาเยี่ยมชม “อาคารแสดงประเทศไทย” โดยทาง “ทีมไทยแลนด์” ทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก  

จึงอยากให้แวะมาชมดูถ้ามีโอกาส โดย “ทีมไทยแลนด์” พร้อมต้อนรับคนไทยทุกคน.

จิราวัฒน์ จารุพันธ์