ตอนนี้เรียกว่านอกจากจะเป็นซูเปอร์มัมแล้ว เปิ้ล-หัทยา วงศ์กระจ่าง ยังนับว่าเป็นสาวแกร่งแห่งปีอีกด้วยเพราะนอกจากจะนั่งแท่นเป็นเสาหลักของครอบครัวดูแลลูกสองทั้งสองคน น้องหนุน น้องหนัง แล้วเธอคนนี้ยังต้องบริหารดูแลลูกค้าในบริษัทอีกนับไม่ถ้วน ล่าสุดสาวเปิ้ลได้เดินทางมาพูดคุยในรายการต้มยำอมรินทร์ พร้อมเล่าเรื่องราวต่างๆ ของตัวเองแบบจัดเต็ม

เปิ้ล เผยว่า “จริงๆ เราปรับตัวตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วก็ต้องปรับตัวและต้องสู้กันต่อไป ถามว่าปรับอะไรเราต้องปรับทุกอย่างเลยเพราะว่าเราเป็นผู้ที่ต้องดูแลคนหลายคนลูกน้องบริษัทเราก็ต้องแบกเอาไว้ทุกอย่าง คืออย่างคลื่นวิทยุที่เราทำคือรายการสดใช่ไหม เราก็ต้องติดต่อประสานกับลูกค้ามีกิจกรรมที่วางเอาไว้พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องเลื่อนๆขยับไปจนหมดเลยค่ะ เรียกว่าเจอแรงกระทบแบบเต็มๆ เราก็ต้องคุยกับน้องๆพนักงาน คือ ลดเงินเดือนน้องๆ แล้วก็คุยให้เขาเข้าใจ ซึ่งน้องๆ ในบริษัทก็เข้าใจแล้วเราก็แบ่งว่าเราจะเข้ามาทำงานอะไรยังไงกัน เพราะว่างานก็น้อยลงเพราะอีเวนต์ และ คอนเสิร์ตก็จัดไม่ได้ ทุกอย่างคือเลื่อนออกไปหมดเลย แต่ก็ยังสู้กันอยู่ค่ะเรื่องเป็นยูทูบเบอร์ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เชื่อไหมว่าลูกขำเลยที่เรามาทำตรงนี้แล้วเขาก็แซวว่าอายุจะเลขหกอยู่แล้ว ทำไมแม่ยังมาทำยูทูบ แต่จริงๆ เป็นอะไรที่ใครๆ ก็ทำได้มันเป็นชื่อรายการชื่อว่า หัทยา วง จริงเรื่องนี้คือ ทำก่อนที่ พี่ตั้ว จะไม่สบายเขาบอกเราว่าเราต้องทำอย่างอื่นด้วยเพราะเราเป็นคนสะสมกางเกงยีนก็เยอะ เสื้อยืด ผ้าพันคอ เนกไท หมวก แว่นตา พี่ตั้ว เขาก็เคยบอกเราว่าเราสะสมของเยอะแบบนี้เราน่าจะไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์สิคือ เป็นไอเดียวจากพี่ตั้วเลยค่ะ”

“เราก็มานั่งคิดว่าเราจะทำยูทูบเกี่ยวกับอะไรดีเพราะเราก็อยู่ในวงการบันเทิง วงการกีฬาเพราะเราชอบกีฬา แล้วก็เลยไปคุยกับเพื่อนๆ ก็เลยได้ชื่อ หัทยา วง มาก็จะทำตั้งแต่ต้นๆ ปีที่แล้ว ก็ยังไม่ได้ทำเพราะว่า พี่ตั้ว ไม่สบายค่อนข้างจะหนัก เราก็เลยพักโปรเจคท์ไว้ก่อน (ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้บอกใครเลยว่า พี่ตั้ว ป่วย จริงๆ มีคนเพื่อนๆ ทราบอยู่ ก็มาเยี่ยมกันอะไรกัน แล้ว พาตั้ว ก็ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วครั้งหนึ่งออกมาทำงานแล้วด้วยนะคะ แต่ก็มาทรุดอีกช่วงหนึ่งคือ กุมภาพันธ์ มีนาคม เพราะคุณหมอบอกว่าไวรัสตับอักเสบบี ที่พี่ตั้ว เป็นอยู่มันกลายพันธ์ุนะ) เราก็ทำใจแล้ว พี่ตั้ว เขาก็บอกว่าเราก็รักษาของเราไปไม่ต้องไปบอกคนอื่นหรอกเพราะว่าโควิดที่เข้ามาก็ทำให้เขาไม่สบายใจกันแล้ว เราเริ่มกลับมาทำหลังจากงานพี่ตั้ว เสร็จเรียบร้อยเราก็พักไปนานมากพักไปจริงๆ จนเรามามองตัวเองว่าเราจะเป็นแบบนี้เหรอ ตอนนั้นคือ เหยี่ยวเฉา และ โทรมมากทุกคนก็จะแบบห่วงเราให้เรากินเยอะๆ หน่อย”

เปิ้ล เล่าต่อว่า “เรื่องครบรอบ 1 ปีลูกๆ มาร้องเพลง ตอนแรกที่เราคิดไว้คือ จะทำบุญเลี้ยงพระ เชิญญาติทางฝั่งพี่ตั้ว พี่เปิ้ล มาร่วมทำบุญกันเราก็ไม่คิดว่าเราจะเจอโควิดระลอกที่สามพอเกิดโควิดก็ทำบุญเลยต้องเลิกไป เราก็เลยมามองว่าเรามาทำอะไรกันดี น้องหนุน ก็บอกว่าเราทำอะไรเงียบๆดีไหมคะคุณแม่ เราก็คิดกันว่าจะร้องเพลงที่ พี่ตั้ว เคยแต่งไว้ให้พี่เปิ้ล เมื่อ 27 ปีที่แล้ว เป็นเพลงมุมความรักแบบบวกๆ ขอบคุณที่ความรักทำให้เรามาเจอกัน ขอบคุณที่มีฟ้ามีดวงดาวทำให้เราได้เห็นความสว่างไสว เราก็ได้คุยกับน้องหนุน ด้วยความที่ดนตรีเมื่อ 27 ปีที่แล้วมันก็นานมากเลยต้องทำใหม่ ก็เลยยกหูโทรฯ หาหนึ่ง จักรวาล แล้วก็ส่งเพลงให้หนึ่ง ฟัง แล้ววันรุ่งขึ้นหนึ่ง เขาก็โทรฯ มาบอกว่า พี่เปิ้ลผมเล่นเปียโนให้ใหม่ทั้งหมดเลยพี่ลองฟังดูนะครับ พอเรากับ น้องหนุน ได้ฟังคือ รู้สึกเซอร์ไพร้ส์มากๆ เลยค่ะ เราก็เลยไปเข้าห้องอัดร้องเพลงกันเลย แล้วพอเราเห็นว่าไหนๆ ทำเป็นเรื่องเป็นราวพอสมควรแล้ว เราก็เลยมาปรึกษาลูกน้องพี่ตั้ว เอาภาพของพี่ตั้ว ที่ถ่ายมาเป็นพันๆ ม้วนเป็นภาพครอบครัวนะคะ ก็เอาภาพทั้งหมดมาผสมอยู่ในเพลงเป็นมิวสิกวิดีโอแล้ว น้องหนุน เข้าก็เลยไปเปิด YouTube ของเขาเลยใช้ชื่อ Suparawongk ค่ะ”

“หลังจากพี่ตั้วไม่อยู่ก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ก็หนักนะคะ ยอมรับว่าหนัก เพราะว่าลูกทั้งสองคนของเราเขาก็จะมุมมองหลายทางของเขา โดยเฉพาะ น้องหนัง เขาก็เผลอหลุดออกมาเหมือนกันแบบไม่ได้ตั้งใจว่า ถ้าพ่ออยู่หนูว่าคุยเรื่องนี้กับพ่อไม่นานก็จะได้คำตอบแล้วกับแม่ทำไมนานมากเลย เพราะ พี่เปิ้ล ก็จะแบบคิดก่อนว่าเราต้องทำอะไร พูดยังไงดี กับน้องหนุน ก็คือ แม่ช้าจังเลย ถ้าเป้นพ่อนะจะโอเคเลย บางทีมันก็หนักเหมือนกัน แต่หนักที่สุดในตอนนี้ คือ เรื่องงาน กับ เงิน เพราะว่าเราก็ต้องมีวิธีการใช้ยังไงให้ดี ตรงไหนสำคัญ ตรงไหนไม่สำคัญ เพราะว่าเราต้องดูแลตอนนี้เราต้องดูแลวิทยุ และก็ละครที่พี่ตั้ว ยังทำค้างอยู่แล้ว พอละครจบจะไปทางไหนต่อ ซึ่งทีมงาน พี่ตั้ว ที่ทำด้วยกันมาก็แข็งแรงประมาณหนึ่งเลยก็สามารถที่จะทำละครต่อยอดไปด้วยได้ เราเลยต้องมาคำนวณดีๆ ว่าเราจะไปในทิศทางไหน ส่วนยูทูบของพี่เปิ้ล ที่ทำคือ ค่อนข้างที่จะลอยตัวโอเคเลย”

“คำที่ว่าเราคือผู้หญิงแกร่งของวงการ ยังมีคนที่แกร่งกว่าพี่เยอะคะ เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในฐานะที่มาออกทีวี เวลาที่เราสัมผัสหรือจัดรายการที่เราคุยกับแฟนคลับบางคนเขาแกร่งกว่าเราเยอะมากแบบปากกัดตีนถีบเลย เราก็เลยคิดว่าเราต้องเดินหน้าต่อไปให้ไหวในระยะที่ต้องทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเราเอง แล้วคุณแม่ก็มาเสียไปด้วยแต่เราก็ต้องรับให้ได้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่ พี่ตั้ว เสียไปคือ เราก็หันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมาก”