“เกียวโด นิวส์” สำนักข่าวชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ร้องขอต่อนายโยชิฮิเดะ สึงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้พิจารณาอนุญาตให้แฟนกีฬาสามารถเข้าชมการแข่งขันในสนาม ในมหกรรมกีฬาอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 23 ก.ค. ถึง 8 ส.ค. นี้ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในแดนอาทิตย์อุทัยเริ่มดีขึ้นในช่วงระหว่างการแข่งขัน

ก่อนหน้านี้ ไอโอซี รัฐบาลญี่ปุ่น คณะกรรมการจัดการแข่งขัน รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่งประกาศให้ศึก “โตเกียวเกมส์” ไม่มีผู้ชมในสนาม หลังรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงโตเกียวอีกครั้งเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่ยังคงน่าเป็นห่วง

อย่างไรก็ตาม “เกียวโด นิวส์” รายงานเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยอ้างแหล่งข่าวเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาลญี่ปุ่นว่า ประธาน “ไอโอซี” ได้ร้องขอต่อผู้นำญี่ปุ่น ในการเข้าพบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้พิจารณาไฟเขียวให้แฟนกีฬาเข้าสนามหากสถานการณ์ โควิด-19 ในญี่ปุ่นดีขึ้น แม้ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กรุงโตเกียวจะยังคงมีผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 1,308 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมาก็ตาม ขณะที่ผู้นำญี่ปุ่น ก็รับปากว่าทั้ง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณานโยบายเรื่องการเปิดให้แฟนกีฬาเข้าสนามกันอีกครั้ง หากสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น

เผยกลุ่มเสี่ยงผลตรวจเป็นลบแข่งได้
ขณะเดียวกัน “เกียวโด นิวส์” ยังรายงานอีกว่า นักกีฬากลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับอนุญาตให้ลงแข่งขันได้ หากผลตรวจเชื้อในช่วง 6 ชั่วโมงก่อนแข่งเป็นลบ

ทั้งนี้ ตามคู่มือนักกีฬาล่าสุดนั้น ใครก็ตามที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องแยกไปกักตัวในห้องส่วนตัวภายในหมู่บ้านนักกีฬา และต้องแยกทานอาหารคนเดียว นอกจากนี้ต้องเดินทางด้วยพาหนะที่ถูกจัดไว้ให้เท่านั้น รวมถึงต้องรักษาระยะห่างกับคนอื่น ๆ ทั้งในสนามซ้อมและสนามแข่งขัน โดยที่นักกีฬากลุ่มเสี่ยงจะต้องมีผลตรวจเชื้อรายวันแบบ PCR รวมถึงผลตรวจเชื้อในช่วง 6 ชั่วโมงก่อนเริ่มการแข่งขันออกมาเป็นลบ จึงจะได้รับอนุญาตให้ลงสนามได้ นอกจากนี้อาจต้องมีการตรวจโดยแพทย์ และได้รับการอนุมัติจากสหพันธ์กีฬานั้น ๆ และเมื่อจบการแข่งขันก็อาจต้องทำการตรวจเชื้อ PCR ด้วย หากเป็นกีฬาที่ต้องใช้ร่างกายเข้าปะทะกัน