เส้นทางในวงการเรียกได้ว่าเป็นกราฟพุ่งสูงไม่มีแผ่วสำหรับสาวน้อยแร็พเปอร์วัย 19 ปีที่ปังสุดๆ ในยุคนี้ มิลลิ (Milli) ดนุภา คณาธีรกุล ด้วยพรสวรรค์การแต่งเพลงและสกิลแร็พโย่วแบบไฟลุก เธอมีความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในตัวแทนวัยรุ่นที่ออกมา Call Out แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ขึ้นแท่นเป็นศิลปินเบอร์ท็อปตัวแรงในวงการในเวลาอันรวดเร็ว ถึงขนาดได้โกอินเตอร์ร่วมงานค่ายเพลงระดับโลกซึ่งมิลลิได้มาเปิดใจพูดคุยกับ วู้ดดี้ วุฒิธร ถึงความกดดันและความคาดหวังที่เธอได้รับ และเผยถึงสเปกอยากมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ยอมรับตอนนี้มีคนคุยเป็นหนุ่มลูกครึ่งใน Woody FM แบบหมดเปลือก

มิลลิ เผยว่า “ปีนี้เจอเรื่องมากมายเลยก็คือมาหมดเลยปีนี้ งงมาก เอาจริงหนูไม่เคยอยากโตเลย เพราะยิ่งโตก็ยิ่งความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องทำอะไรเยอะขึ้น หนูรู้สึกว่าแค่นี้พอแล้ว จริงๆหนูอยากอายุแค่ 20 เพื่อที่จะซื้อเหล้าถูกกฎหมาย แล้วเข้าผับถูกกฎหมายแล้วก็พอ (หัวเราะ) หนูมีความฝันแค่นั้น หนูชอบเที่ยว หนูชอบปาร์ตี้ สิ่งที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดคืออยู่กับทุกๆ คน หนูชอบคุยไปเรื่อยๆ มันสนุกดี มันได้รับรู้มุมมองของอีกคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจพองโตมากที่สุดมันก็พองอยู่ทุกๆวัน ไม่ได้มีอันไหนที่พองโตที่สุด หนูเป็นคนใช้ชีวิตที่โฟกัสแค่วันนั้นก็พอแล้ว Logic คือแค่ว่า ใช้ชีวิตให้ดีกว่าเมื่อวาน แล้วพรุ่งนี้เราจะดีกว่าวันนี้อีกทีนึง เพราะหนูรู้สึกว่าโดนคาดหวังเยอะแล้ว หนูพยายามคาดหวังกับตัวเองให้น้อยที่สุด เพราะนั่นคือพื้นที่เซฟโซนของหนูแล้ว”

“ความรักของหนูเอาจริงๆหนูเป็นคนแบ๊วนะ ไม่ขี้หึงแล้วก็ไม่งี่เง่า หนูไม่ชอบอะไรก็จะไม่พยายามทำสิ่งนั้น เรามีชีวิตเป็นของตัวเอง แล้วเราควรจะมีความสุขด้วยตัวของตัวเองด้วยในบางที มันไม่ใช่ว่าจะต้องมาผูกติดกันตลอดเวลา หนูจะพยายามามีเหตุผลมากที่สุด หนูเคยเสียน้ำตาให้ความรักค่ะ แล้วเคยตั้งใจว่าฉันจะร้องไห้ให้คนๆ นี้ไม่เกิน 2 วัน เพราะรู้สึกว่าพอแล้ว หนูทำได้ ถ้าทำอะไรไม่ได้อย่าไปสอนคนอื่น ทำให้เห็นก่อนว่าทำได้ ค่อยไปแนะนำคนอื่นเขา ถ้าตัวเองยังเอาไม่รอดอย่าคิดไปสอนใครเลย”

มิลลิ เล่าต่อว่า “เนื้อหาเพลง Not Yet! พอเราฟังมันมีแมสเสจในเพลงด้วย อยากจะบอกว่าบางคนอาจจะฟังดูว่าขี้เล่น หยอกล้อ แบบยั่วๆ หน่อย ตรงข้ามสิ้นเชิงค่ะเรื่องเซ็กซ์กับความรักจริงๆ มันมาควบคู่กัน เป็นเรื่องของความยินยอมพร้อมใจทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่ใช่การบังคับ หรือเซ็กซ์ไม่ใช่การพิสูจน์ความรักเช่นเดียวกัน แล้วการที่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าไม่พร้อมหรือว่ายังไม่อยากทำด้วยเหตุผลหรือสาเหตุอะไรก็ตาม อีกฝ่ายควรจะเคารพในการตัดสินใจตรงนี้ ไม่ใช่ว่ายังดึงดันที่จะทำ เพราะว่าบาดแผลที่อยู่ในใจใครสักคนหนึ่งมันติดตัวมาตลอด การโดนขมขื่นจากคนรักของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แล้วมันเกิดขึ้นได้จริงๆ แล้วหนูฟังเรื่องจากหลายๆ คนมามาก รู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักอย่างแค่เปิดใจคุย พอมีคนพูดต้องมีคนฟัง พอฟังแล้วไม่ใช่หูซ้ายทะลุหูขวาแต่มันต้องเข้าใจ พอเข้าใจกันแล้วก็จะแฮปปี้มากขึ้น ถ้าเซ็กซ์ไม่มีความสุข ความรักก็ไม่ใช่เรื่องสนุกอีกต่อไป”

“จริงๆ แล้วมาคู่กันเลย หรือเราสามารถมีความสัมพันธ์ที่ไม่มีเซ็กซ์ก็ได้ แต่สำหรับตัวหนูรู้สึกว่ามันมาคู่กัน หนูได้ภาษาอังกฤษเอาจริงๆ ไม่ได้เรียนอินเตอร์ เรียน English Program ค่ะ เพราะเราอยากมีแฟนเป็นต่างชาติ (หัวเราะ) ซึ่งจะมีแอพหนึ่ง หนูคลิกไปยังไงก็ไม่เจอคนไทย แล้วหนูปัดไปสองร้อยกว่าคน แล้วเราก็ได้ฝึกจริงๆ หนูไม่เคยเดทคนไทยค่ะ ตอนนี้คุยกับลูกครึ่งอยู่ ไม่ได้อวดนะ (หัวเราะ) คนไทยก็อยู่ในสเปก จริงๆ หนูสเปกเยอะมาก มาเลยจ้ะได้หมดชาติไหนก็ได้ 2-3 ปีที่ผ่านมาหนักสุดวันไหนเหรอ คงเป็นเรื่องล่าสุด ที่หนูพูดอะไรไม่คิด แล้วก็มารับผิดชอบคำพูดตัวเอง แล้วยิ่งทำให้หนูรู้สึกว่าปีนี้คือการเป็นผู้พูดและเป็นผู้ฟังที่ดีในเวลาเดียวกัน บางทีก็รู้สึกแย่และรู้สึกดีเวลาที่มีคนบอกว่าโตขึ้นแล้วนะ แต่รู้สึกว่าหนูยังไม่ได้อยากโต ไม่ได้อยากทำ แต่สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจจะเป็นศิลปินที่ชอบกินเหล้า ทำให้ทุกคนมั่นใจในการไม่ต้องใส่เสื้อชั้นในได้ (หัวเราะ) เพราะหนูไม่ชอบใส่เสื้อในเลย แต่โอเคเราก็ต้องรู้จักกาลเทศะ”