เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค. ตามที่นายธนพร สมศรี เลขาธิการ สกสค. ยื่นคัดค้านเกณฑ์ประเมินเลขาธิการ สกสค. ว่าไม่เป็นธรรม รวมถึงยื่นพิจารณาขอให้เปลี่ยนตัวกรรมการประเมินฯบางรายที่อาจมีความไม่เป็นกลาง ซึ่งฝ่ายกฎหมายของ ศธ.ได้พิจารณาแล้วพบว่า ในประเด็นกรรมการประเมินฯบางรายไม่ได้มีสภาพร้ายแรงหรือจะดำเนินการประเมินอะไรที่ไม่เป็นกลางเกิดขึ้น ส่วนคะแนนการประเมินที่นายธนพรยืนคัดค้านที่ต้องผ่านการประเมินตามหลักเกณฑ์เดิม 75% เป็น 60% นั้นที่ประชุมมีมติให้กลับไปใช้หลักเกณ์การประเมินแบบเดิมตามที่นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ประธานคณะกรรมการประเมินผลปฏิบัติงานเลขาธิการ สกสค. เสนอมา คือให้ค่าคะแนนผ่านเกณฑ์ประเมิน 65% และเพิ่มการประเมินสมรรถนะในการปฏิบัติงานเข้าไปด้วย โดยในส่วนของการประเมินสมรรถนะการปฏิบัติงานนั้นฝ่ายกฎหมายมองว่าแม้จะไม่ได้เขียนระบุไว้ในสัญญาจ้างแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประเมินผลงานด้านสรรถนะการปฏิบัติงานไม่ได้

ปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ตนจะสรุปมติที่ประชุมที่เห็นชอบเกณฑ์การประเมินดังกล่าวให้รมว.ศึกษาธิการ เซ็นลงนามหลังจากนั้นนายบัณฑิตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประเมินฯจะแจ้งหลักเกณฑ์การประเมินให้นายธนพรรับทราบภายใน 15 วัน และคณะกรรมการประเมินฯจะต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งเมื่อสรุปผลการประเมินเสร็จสิ้นจะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสกสค.พิจารณาต่อไป ส่วนการประเมินผลงานของนายอดุลย์ บุสสา ผอ.องค์การค้าฯนั้นถือว่านายอดุลย์เกษียณอายุราชการไปแล้วจึงหลุดจากตำแหน่งนี้ไปโดยปริยาย โดยจะเป็นอำนาจ รมว.ศึกษาธิการ ที่จะประกาศสรรหา ผอ.องค์การค้าฯ คนใหม่ หรือตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเหมือนในอดีตที่ผ่านมาได้เช่นกัน

ด้าน นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ประธานคณะกรรมการประเมินฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าเกณฑ์การประเมินผลงานเลขาธิการ สกสค. เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล และได้ดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นเกณฑ์ประเมินที่เป็นธรรม ซึ่งเมื่อ รมว.ศธ.เซ็นลงนามหลักเกณฑ์การประเมินแล้วตนจะแจ้งเกณฑ์ประเมินฯ ให้นายธนพรรับทราบภายใน 15 วัน แต่หากนายธนพรไม่ส่งผลงานการประเมินก็คงขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ สกสค.ที่จะพิจารณาต่อไป