เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยอมรับกรณีมีกระแสข่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ได้พิจารณาคดีข้อกล่าวหากรณีเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสนอราคาเกี่ยวกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ จำนวน 281 เครื่องของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มูลค่า 13 ล้านบาทเศษ และมีมติชี้มูลความผิดนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ, นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยี และบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญา 3 บริษัท ซึ่งประกอบด้วยผู้จัดการบริษัท กรรมการบริษัทและผู้เกี่ยวข้องรวมหลายราย
โดยชี้มูลตามฐานความผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-400,000 บาท และผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 บัญญัติ ว่าผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ทั้งนี้จะมีการสรุปสำนวน ก่อนส่งสำนวนไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป
อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 ก.ค.นี้ 14.00 น. โฆษกป.ป.ช. มีกำหนดจะแถลงข่าวเกี่ยวกับมติกรรมการป.ป.ช. ผ่านระบบ Zoom