เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บริษัทอาลีบาบากรุ๊ป ประกาศเป้าหมายว่าจะเป็นบริษัทที่มี “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ในส่วนของการปฏิบัติงานต่าง ๆ และต้องการลดปริมาณการปลดปล่อยมลพิษจากการผลิตของเครือข่ายบริษัทซัพพลายเออร์และบริษัทขนส่งให้ได้ก่อนถึงปี 2573 

อาลีบาบาให้คำมั่นว่าจะไปให้ถึงจุดของความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหมายถึงการลดค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เหลือศูนย์ภายในปี 2573 โดยแบ่งเป็นแผน Scope1 ซึ่งเป็นการลดการปล่อยมลพิษของบริษัทโดยตรง และแผน Scope2 ซึ่งจะเป็นการลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานความร้อนของบริษัท

บริษัทยังระบุว่าจะลดค่า Carbon Intensity (ปริมาณคาร์บอนที่เกิดจากการใช้พลังงาน 1 หน่วย) ที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบริษัท เช่น การขนส่ง ขยะที่เกิดจากการซื้อสินค้าและบริการของบริษัท ให้เหลือเพียง 50% ภายในปี 2573 ซึ่งจัดอยู่ในแผน Scope3 

บริษัทยังแสดงความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมของธุรกิจทุกประเภทลงราว 1.5 กิกะตัน ภายในปี 2578

เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น อาลีบาบาวางแผนว่าจะใช้เทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นและมีโครงการเพื่อการกำจัดคาร์บอนซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถดึงก๊าซเรือนกระจกออกจากชั้นบรรยากาศ

แดเนียล จาง ประธานบริหารของอาลีบาบากล่าว่า บริษัทยังพยายามหาทางที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมและเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ขายและหุ้นส่วนธุรกิจของบริษัทจากประเทศจีนและจากทั่วโลก

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า จีนตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2603 ซึ่งส่งผลให้บริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศจีนต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่จะต้องร่างแผนการของตัวเองเพื่อให้ไปถึงจุดที่มีค่าการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีของจีนหลายบริษัทก็ยังต้องพึ่งพาระบบการผลิตพลังงานจากถ่านหินในประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งมีไม่กี่บริษัทที่ให้คำมั่นว่าจะเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน

ในรายงานที่เผยแพร่ออกมาเมื่อตอนต้นปีนี้ ระบุว่ากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกรีนพีซได้จัดอันดับให้บริษัทเท็นเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดของจีน ในแง่ของการใช้พลังงานจากแหล่งผลิตที่ใช้พลังงานหมุนเวียนและลดการปล่อยมลพิษอย่างได้ผล โดยมีบริษัทหัวเหว่ย เทคโนโลยีส์ ตามมาเป็นอันดับสอง ขณะที่ไป่ตู้อิงค์ อยู่อันดับสามและอาลีบาบา อยู่ที่อันดับสี่

เครดิตภาพ : Reuters