นิตยสารบิลล์บอร์ดรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัทโซนี่มิวสิกและบรูซ สปริงสทีน ศิลปินร็อกระดับตำนานชาวอเมริกัน ประกาศการทำสัญญาซื้อขายเพลงและลิขสิทธิ์เพลงทั้งหมดที่เป็นของศิลปินชื่อดังจากนิวเจอร์ซีย์ โดยไม่ระบุมูลค่าของการซื้อขาย แต่จากการประเมินของบิลล์บอร์ด คาดว่าน่าจะสูงกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือมากกว่า 16,660 ล้านบาท แซงหน้ามูลค่าสัญญาซื้อขายเพลงของบ็อบ ดีแลน และบริษัทยูนิเวอร์แซล มิวสิก ซึ่งเคยเป็นมูลค่าการซื้อขายแคตตาล็อกเพลงสูงสุด โดยทำไว้ที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10,005 ล้านบาท)
การขายแคตตาล็อกเพลงและลิขสิทธิ์เพลงครั้งนี้จะทำให้โซนี่กลายเป็นเจ้าของสิทธิเพลงดังของสปริงสทีนหลายเพลง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเพลงอมตะไปแล้ว เช่น “Dancing in the Dark”, “Glory Days”, “Born in the USA” และ “Thunder Road”
สปริงสทีนเป็นศิลปินรุ่นใหญ่คนล่าสุดที่ทำสัญญาซื้อขายเพลงในลักษณะดังกล่าว โดยศิลปินรายอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น พอล ไซมอน, สตีวี นิคส์ และนีล ยัง ต่างเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากผลงานเก่าของตนในทำนองเดียวกัน
โซนี่และสปริงสทีนมีสายสัมพันธ์ที่ดีมาตลอดเวลา 50 ปีที่ผ่านมา โดยสปริงสทีนในวัย 72 ปี ออกผลงานเพลงในฐานะศิลปินภายใต้สังกัดโคลัมเบีย เรคอร์ด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโซนี่มิวสิกมาตั้งแต่แรก
“ผมคือศิลปินคนเดียวที่สามารถพูดได้จริงว่า เมื่อผมเซ็นสัญญากับโคลัมเบีย เรคอร์ดส์ ในปี 2515 ผมได้มาถูกที่แล้ว” ร็อกเกอร์ผู้เป็นตำนานกล่าวในแถลงการณ์ “ผมตื่นเต้นมากที่มรดกเพลงของผมจะยังคงได้รับการดูแลต่อไปโดยบริษัทและบุคลากรที่ผมรู้จักดีและไว้ใจ”
สปริงสทีนเป็นเจ้าของรางวัลแกรมมีถึง 20 รางวัล เป็นศิลปินที่ได้รับการยกย่องที่สุดคนหนึ่งของคนอเมริกัน เพลงของเขาจำนวนมากมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของชนชั้นกลางและการดิ้นรนของผู้คนในชนชั้นที่เสียเปรียบ แทรกด้วยการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองและสังคมด้วยการใช้คำที่สละสลวยราวบทกวี เขายังเคยได้รับรางวัลโทนี่ ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ด้านละครเวทีจากละครบรอดเวย์เรื่อง “Springsteen on Broadway” และได้รับรางวัลออสการ์จากเพลงประกอบภาพยนตร์ “Streets of Philadelphia” จากภาพยนตร์เรื่อง “Philadelphia” เมื่อปี 2536
เครดิตภาพ : Getty Images