สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ว่ากระทรวงการคลังของสหรัฐออกแถลงการณ์ เมื่อวันพฤหัสบดี เพิ่มชื่อบริษัทของจีนอีก 8 แห่ง เข้าสู่บัญชีรายชื่อ ว่ามีความเชื่อมโยงกับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (พีแอลเอ) หนึ่งในนั้นคือบริษัท “ดีเจไอ” ซึ่งเป็นผู้ผลิตอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน รายใหญ่ที่สุดของจีน
ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุเกี่ยวกับดีเจไอ ซึ่งอยู่ในบัญชีดำการคว่ำบาตรมาตั้งแต่ปี 2563 ว่าเป็นบริษัทที่สนับสนุน “การสอดแนมและการสังเกตการณ์ด้วยเทคโนโลยีชีวมิติ” ต่อกลุ่มชาติพันธุ์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ในเวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐขึ้นบัญชีดำ สถาบันวิจัย 12 แห่งของจีน หนึ่งในนั้นคือ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารแห่งชาติ ในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับพีแอลเอ
นอกจากนี้ วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองกฎหมาย ว่าด้วยการห้ามนำเข้าสินค้าที่ส่งออกมาจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน เนื่องจาก “ต้องสงสัย” ว่าเป็นสินค้าที่กระบวนการผลิตเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาส การใช้แรงงานเด็ก และการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเป็นการดำเนินการต่อจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งผ่านกฎหมายนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อใดก็ตามที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ สินค้าส่งออกจากพื้นที่ดังกล่าวของจีนซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างมากคือฝ้ายและมะเขือเทศ ยิ่งไปกว่านั้นมาตรการยังครอบคลุม “ทุกกระบวนการ” ของห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยวผลผลิต ไปจนถึงการแปรรูปและการจัดส่งผลิตภัณฑ์ หมายความว่าเครื่องแต่งกายที่มีเส้นใยฝ้ายจากซินเจียงเป็นส่วนประกอบ ซอสมะเขือเทศและน้ำมะเขือเทศที่ใช้ผลผลิตจากซินเจียงจะไม่สามารถส่งออกมายังสหรัฐได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสัดส่วนการผลิตฝ้ายของจีนคิดเป็น 20% ของสินค้าทั้งหมดซึ่งหมุนเวียนอยู่ในตลาดโลก และพื้นที่ปลูกฝ้ายส่วนใหญ่อยู่ในซินเจียง คำสั่งนี้จึงอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมค้าปลีกเครื่องนุ่งห่มและอาหารของสหรัฐเช่นกัน.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES