เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า ฟัง หมอประสิทธิ์ คณบดีแพทย์ ศิริราช พูดวันวาน น่าคิดต่อ 1.ไวรัส สายพันธุ์อินเดีย ติดง่าย ทำให้ยอดผู้ติดโควิดในโลกทุกประเทศ อยู่ในภาวะขาขึ้นแบบรวดเร็ว โดยสายพันธุ์นี้ ติดง่าย แต่ความสามารถในการทำร้ายคนไม่เพิ่มขึ้นมาก 2.เมื่อดูยอดการติดเชื้อของอังกฤษ (ภาพซ้ายบน) ปรากฏว่าว่าปลายกราฟด้านขวาพุ่งสูง แต่ ยอดการตาย (ภาพซ้ายล่าง) กลับไม่มาก (วันที่ 14 ก.ค. 2564 ติดเชื้อ 42,302 ราย ตาย 49 ราย)
3.ต่างจากประเทศไทย ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว (ภาพขวาบน) และ ยอดการตาย มีลักษณะพุ่งขึ้นในสัดส่วนเดียวกับการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ (ภาพขวาล่าง) (วันที่ 15 ก.ค. 2564 ติดเชื้อเพิ่ม 9,186 ราย ตาย 98 ราย) 4.คุณหมออธิบายสาเหตุว่า อังกฤษติดเชื้อมาก แต่ตายน้อย เป็นอานิสงค์จากการฉีดวัคซีน (วันนี้ คนอังกฤษ ฉีดเข็มหนึ่งแล้ว 87.4% ฉีดเข็มสองแล้ว 66.7% ในขณะที่ไทยฉีดเข็มหนึ่ง 13.3% เข็มสอง 4.6%) 5.ข้อสรุปของคุณหมอ ของ ทางแก้ตาย คือเร่งฉีดวัคซีนโดยเร็ว และการสลับวัคซีนเข็มสองที่แรงขึ้น เพื่อป้องกันไวรัสที่กลายพันธุ์และ วัคซีนเชื้อตายเอาไม่อยู่แล้ว ตามสูตร เข็มแรก Sinovac เข็มสอง AstraZeneca
ทั้งหมดนี้คือ สิ่งที่คุณหมอพยายามสื่อสารกับสังคม แต่ คุณหมอสุภาพเกินไปที่จะบอกกับประชาชนว่า 1.วัคซีนที่ อังกฤษฉีด เข็มหนึ่ง และเข็มสองให้ประชาชน เป็น AstraZeneca และกำลังเปลี่ยนเข็มสอง เป็น วัคซีน mRNA (Pfizer) หรือ ใช้ mRNA เป็น Booster สำหรับคนฉีด Astra ครบสองเข็ม 2.ในขณะที่ไทย คนฉีดครบสองเข็มส่วนใหญ่เป็น Sinovac และ ขณะนี้ กำลังเปลี่ยนสูตรเป็น เข็มหนึ่ง Sinovac เข็มสอง Astra โดยไม่มีคำตอบสำหรับคนฉีด Sinovac ครบสองเข็มแล้วว่าจะเอาอย่างไรต่อ
3.ทั้งหมดชี้ให้เห็น ความล้มเหลวในการคิดและการจัดการบริหารวัคซีน นับแต่ เลือก จัดหา รับมอบ กระจายส่ง ฉีด และ วางแผนฉีดในอนาคต 4.นายกรัฐมนตรี คนนี้ ทำได้แค่นี้ ยอมรับความจริงได้แล้ว หรือ จะรอให้คนตายอีกเท่าไรจึงจะรู้สึก