สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ว่านายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงการที่สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดต่อจีน โดยในส่วนของการขึ้นบัญชีดำภาคเอกชน รวมถึงกลุ่มบริษัท “เซนซ์ไทม์” ของจีน ผู้ให้บริการด้าน “อุปกรณ์สังเกตการณ์” ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันเชื่อมั่นว่า เป็นผู้จัดหาเครื่องมือสอดแนมให้แก่หน่วยงานรัฐ เพื่อใช้ติดตามประชาชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ขอให้รัฐบาลวอชิงตันยุติการดำเนินการเช่นนี้โดยเร็ว มิเช่นนั้นจะดำเนินการ “ตอบโต้อย่างสาสม”
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวถึงมาตรการด้านความมั่นคงในซินเจียง ว่าเป็นไปเพื่อ “ป้องปรามความรุนแรง การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการบ่มเพาะกองกำลังหัวรุนแรงทางศาสนา”
ทั้งนี้ การกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างจำเพาะเจาะจงรอบล่าสุดของสหรัฐต่อจีน เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา “เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ” กับการตรงกับวันสิทธิมนุษยชนโลก และยังเป็นวันที่ทำเนียบขาวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมออนไลน์ “ว่าด้วยประชาธิปไตย” ร่วมกับผู้นำรัฐบาลและตัวแทนระดับสูงจากมากกว่า 100 ประเทศและดินแดน
นายหวังกล่าวถึงการประชุมดังกล่าว ว่าไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐาน “วัดความเป็นประชาธิปไตย” แต่ที่ชัดเจน คือการประชุมครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับ “ธรรมชาติที่แท้จริง” ของสหรัฐ ว่าเป็น “พวกมือถือสากปากถือศีล” ที่คอยทำลายประชาธิปไตยในประเทศอื่น แต่อ้างตัว “เป็นผู้ปกป้อง” พร้อมทั้งเรียกร้องประชาคมโลกร่วมมือกันอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผล เพื่อฝ่าฟันปัญหาที่ทุกฝ่ายกำลังเผชิญร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนไม่ได้กล่าวถึงรายงานของรอยเตอร์ ที่ระบุว่า ภายหลังออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย แสดงภาพแผนที่โลก ซึ่งกำหนดสีของจีนและไต้หวัน “แตกต่างกันด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน” ทำเนียบขาวรีบตัดสัญญาณแล้วปรับให้เหลือเพียงเสียง “ด้วยความวิตก” ว่าจะส่งผลกระทบต่อนโยบายจีนเดียว.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES