สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ว่านายรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำอิสราเอล เข้าเฝ้าฯ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซาเย็ด อัล-นาห์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบี ที่พระตำหนักส่วนพระองค์ ในกรุงอาบูดาบี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพบกัน “ครั้งประวัติศาสตร์” ระหว่าง “ผู้นำโดยพฤตินัย” ของยูเออี กับผู้นำอิสราเอล นับตั้งแต่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์กันอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว
หลังจากนั้น สำนักข่าวแห่งชาติของยูเออีรายงานว่า ชีคโมฮัมเหม็ดทรงคาดหวัง “ความมีเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง” และทรงเชื่อมั่นว่า การที่ผู้นำอิสราเอลเยือนยูเออีครั้งนี้ จะนำมาซึ่ง “การยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย และเพื่อการเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค”
ทั้งนี้ หลายฝ่ายในตะวันออกกลางจับตาการเยือนกรุงอาบูดาบีของเบนเนตต์ ว่าต้องมีเรื่องอิหร่านเข้ามาเกี่ยวข้อง จากการที่ยูเออีพัฒนาความสัมพันธ์กับรัฐบาลเตหะรานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะหลัง จนมีรายงานว่า สหรัฐส่งผู้แทนพิเศษเยือนยูเออีในสัปดาห์นี้ เพื่อเตือนทั้งรัฐบาลและสถาบันการเงินในยูเออี “ให้รักษากฎเกณฑ์การคว่ำบาตรต่ออิหร่าน” ด้านสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเออีออกแถลงการณ์ ว่าภารกิจของเบนเนตต์ “ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องอิหร่าน”
ขณะที่ผู้นำอิสราเอลกล่าวถึงภารกิจในยูเออีครั้งนี้เพียงว่า มีความคืบหน้าด้านการหารือเพื่อจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ให้บรรลุผลภายในไตรมาสแรกของปี 2565 สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างอิสราเอลกับยูเออีในปีนี้ สูงเกือบ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (16,695.00 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณ 4 เท่าจากปี 2563.
เครดิตภาพ : AP, REUTERS