นายคริสต็อฟ เปอโน (H.E. Mr. Christophe Penot) เอกอัครราชทูตกำกับดูแลด้านอินโด-แปซิฟิก ประจำกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส เดินทางเยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ 8-10 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอยุทธศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ก่อนที่ประเทศฝรั่งเศสจะดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 และเพื่อหารือเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของยุทธศาสตร์ดังกล่าวกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับประเทศไทย

นายคริสต็อฟ เปอโน (คนที่สองจากซ้าย) ถ่ายภาพร่วมกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายคริสต็อฟ พร้อมด้วยนายตีแยรี มาตู เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปบรรยายพิเศษ ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โดยมีนายทหารระดับสูงของไทยและประเทศอื่นๆ หลายนาย ร่วมรับฟังการบรรยาย

ต่อมา ได้เดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายศราวุธ เพชรพนมพร ประธานคณะกรรมาธิการฯ จากนั้น ได้เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพบหารือกับนายธานี ทองภักดี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

การหารือร่วมกับคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร

ในส่วนของหลักพหุภาคีนิยมและประเด็นระหว่างประเทศที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญนั้น นายคริสต็อฟ ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (Economic and Social Commission for Asia and the Pacific : ESCAP) ซึ่งประเทศฝรั่งเศสเป็นสมาชิกก่อตั้ง เพื่อเข้าพบนางอาร์มิดา ซัลเซียะฮ์ อาลิสจะฮ์บานา (Mrs. Armida Salsiah Alisjahbana) เลขาธิการบริหาร ESCAP ทั้งสองได้หารือในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมุทราภิบาล (Ocean Governance) การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การพัฒนาที่ยั่งยืน สุขภาพ และความเชื่อมโยง (Connectivity)

การแต่งตั้งเอกอัครราชทูตกำกับดูแลด้านอินโด-แปซิฟิก เป็นไปตามนโยบายระดับภูมิภาคที่นายเอมานุแอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้ประกาศไว้ในระหว่างการเยือนประเทศออสเตรเลียและนิวแคลิโดเนียอย่างเป็นทางการ ในเดือนพฤษภาคม 2561 และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก.

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของประเทศฝรั่งเศสในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงกิจการยุโรปและการต่างประเทศฝรั่งเศส (ภาษาอังกฤษ)

ขอขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย