ถ้าเป็นนักอ่านที่เคยติดตามเนื้อหาต่าง ๆ หรือติดการอ่านสารพันเรื่องจาก นิตยสารผู้หญิง CLEO ไม่มีใครไม่รู้จัก สุพิชา สอนดำริห์ หรือ คุณเอ๋ อดีตบรรณาธิการบริหารนิตยสาร CLEO จนใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า “เอ๋ คลีโอ” แม้ช่วงหนึ่งชีวิตจะห่างหายเปลี่ยนไปทำงานประจำในสายงานอื่น ทว่าความชื่นชอบในการอ่านและการใช้ถ้อยคำถ่ายทอดสร้างพลังบวกในแง่มุมต่าง ๆ ทำให้วันนี้ คุณเอ๋ หวนคืนสู่ความสุขแท้จริงโดยตั้งใจเลือกชีวิตด้วยการทำหน้าที่เป็น เจ้าของ CLEO Thailand ส่งเนื้อหาสาระต่าง ๆ ผ่านโลกออนไลน์และมีผู้สนใจกดติดตามเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

คุณเอ๋ บอกถึงความรู้สึกในวันที่เปลี่ยนบทบาทจากพนักงานบริษัทมาเป็นเจ้าของ CLEO Thailand พร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “ด้วยประสบการณ์ การมองโลกที่เปลี่ยนไป ส่วนใจกับแพสชั่นนี่แน่นอนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เราทำงานเป็นพนักงานบริษัท ไม่คิดเรื่องอื่นนอกจากทำงาน ตอนนี้เราต้องเป็นผู้นำเผ่าของเรา มาเจอของจริง ต้องมีความรู้สึกกลัวแนบขึ้นมา แต่มีการต่อสู้กับตัวเองในบางจุด มาค้นอะไรบางอย่าง ที่เราต้องเอาชนะความกลัวที่เป็นโจทย์อย่างหนึ่ง มีการต่อฝันต่อจุดความฝันตัวเองในบางอย่าง และมาค้นหาอะไรบางอย่าง ที่เราต้องชนะความกลัวในด้านต่าง ๆ พอเราผ่านมาเยอะมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อดีคือความรอบคอบ ตกผลึกมากขึ้น รู้สึกว่าบาลานซ์ขึ้นมา ชีวิตไม่เคยตื่นตีสี่ครึ่งขึ้นมาทำงานและมีการจับประเด็นต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ชีวิตพลิกกลับมาอีกครั้ง มันเปลี่ยน มีความสนุกลึก ๆ ทุกวันนี้ ตีห้าเราตื่นมาเพื่อใช้ไอเดียทำงาน เหมือนช่วงเวลานี้เป็นเหมือนเวลาทอง คิดงาน แต่ละช่วงเวลาค่อนข้างมีคุณค่า ทำงานตรงนี้บอกเลยว่า เราต้องเฮง พอเราจับทางและเขียนนิดเดียวโดนใจคน คือ ความเฮงในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงดวงนะ หมายถึง เราต้องเปิดข้างในอ้ามาก ต้องคิดบวกจริง ๆ แล้วมันจะเชื่อมโยงกัน”

“อยากทำเนื้อหาคลีโอให้ดี ให้มีความหลากหลาย อยากมีเครื่องมือในการกระจายเนื้อหา ไปเยอะ ๆ อยากสร้างทีมรวมสปิริตที่รวมผู้หญิงทำงาน ไม่เป็นแนวเนกาทีฟ ทำให้อ่านสนุกมีอินสไปเรชั่นเอาไปใช้ได้จริงในชีวิต เลยคิด Tagline อันใหม่ ว่า Go, Grab the World. Be Sexy, Be Positive, BeReal. ทุกวันนี้ความสุขในการทำงาน มีเยอะแยะ การได้นั่งคุยกับคนก็มีความสุข ความสุขในการต่อจุดเรื่องราวให้คน จะต่อด้วยวิธีไหนก็ได้ แล้วเราก็ซึมซับเข้ามา สามารถเป็นความสุขได้หมด ถ้าสามารถเชื่อมมันเป็นและเป็นประตูในการเชื่อมสัมพันธ์ ความสุขเกิดจากโมเมนต์ที่คิดและส่งสาร ถ้าเขียนเอ๋อินกับมันตอนนั้น เอ๋จะยิ้ม ใครจะอย่างไรไม่ติดใจ ถ้าเราทำ เราจะรู้ว่า อันนี้แห้ง ๆ คนอ่านคงไม่อิน พอเราเขียนไปตอนนี้ทำนายยอดไลค์ยอดแชร์ได้แม่นมาก เพราะเราวัดจากพลังงานภายในตัวเรา”

ในแง่มุมความเชื่อเรื่องพลังบวกคุณเอ๋ บอกว่า “แน่นอนว่า แค่ถ้าเราคิดลบ หรือคิดไม่ดี จะปวดหัวมาก ไหล่หนักตึง ไม่สบายตัว ถ้าเราคิดบวก ตาเยิ้ม ๆ บางทีมีพลังบวกมาก ๆ หัวใจเราพอง เราจะรู้สึกดี พลังบวกอะไรก็ได้เป็นกลิ่นอายความรู้สึกดี ๆ ที่เราส่งไปหรือใครมาส่งมา อย่าคิดมากว่า พลังบวกต้องมองโลกสวย แค่ความรู้สึกไม่ทำร้ายกัน แต่ความรู้สึกเจือสิ่งดี ๆ แค่คิดแค่นี้ก็พอ สมมุติเราเจอใคร เรายิ้ม และเราดีใจจริง ๆ กลับฝืนยิ้มต่างกันแล้วนะ สมมุติเราดีใจที่คุยกับพี่ยามถามทุกข์สุขเขาว่า เหนื่อยไหม แล้วแววตาเขามีประกายความสุข แค่นี้ พลังบวกก็มาแล้ว แล้วแต่การตีความ อยากคิดแบบไหน คุณเป็นแบบนั้นแล้วแต่ แต่เรายินดีที่จะเป็นแบบนั้น เอ๋คิดว่า ถ้าเราอยู่ใกล้คนพลังงานดี ๆ ชีวิตเราจะดี”

ความสุขแท้จริงในการทำทุกอย่างด้วยใจ คุณเอ๋บอกว่า “เอ๋ชอบคำนี้นะ เอ๋เชื่อเสมอคนเรา ถ้าอะไรทำด้วยใจ ดีเสมอ เมื่อก่อน เคยสงสัยว่า เราต้องใช้สมอง หรือใจเวลาที่ทำอะไร คนชอบบอกว่า ลอจิก คุณน่ะคืออะไร บางคนที่เป็นฮาร์ต เพอร์ชั่นมาก ๆ บอกว่า เราใช้ใจคงไม่ดีหรอกมั้ง กระทั่งเจอพี่ดาว พี่ที่รู้จัก เอ๋ถามพี่เขาว่า สงสัยว่า สงสัยเอ๋ใช้ใจมากเกินไป สงสัยต้องเอาสมองมาใช้ พี่ดาวบอกว่า แอคชูลี่นะเอ๋ ใช้ใจเถอะยูสยัวร์ฮาร์ต ยัวร์ ฮาร์ต ยูลีด ยัวร์เฮด ใจจะนำสมอง หลังจากนั้นเกมพลิก เพราะเราเป็นฮาร์ต เพอร์ชั่นตลอดก็ใช้ฮาร์ต ใช้ใจแม่น ถ้าใจไม่แม่น อย่างไงก็ตัดสินใจพลาดอยู่ดี ฮาร์ต เมด คือ จุดเริ่มทุกอย่าง เชื่อ เป็นคำสองคำที่สวยงามลงตัวและดี หลักชีวิตทุกวันนี้ เราทำอะไรที่ไม่เป็นภาระของวันข้างหน้ามากที่สุด ไม่ต้องรีบ บางอย่าง รอได้ก็รอ บางอย่างเราทำมันได้ แต่อย่าขี้เกียจ อะไรที่เราทำมันได้อย่าขี้เกียจ ถ้าไม่ขี้เกียจ เราจะไม่ได้ต้องรีบทำ”