มาโน โพลกิง เฮดโค้ชทีมชาติไทย ระบุว่า เขาคาดอยู่แล้วว่า เมียนมา จะมาเล่นหนักกับทีมชาติไทย ได้กำชับลูกทีมให้ตั้งสมาธิดีๆ ในเกมที่ถล่ม เมียนมา 4-0 ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เมื่อ 11 ธ.ค. ทำให้ไทยมี 6 แต้มเต็ม นำจ่าฝูงกลุ่ม A

หลังเกม เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเล่นเข้าบอลหนักของเมียนมาว่ากังวลหรือไม่นั้น มาโน กล่าวว่า รู้แนวทางของเมียนมาดี เป็นทีมที่เล่นดุดันเสมอเวลาเจอกับไทย ก็บอกลูกทีมมีสมาธิกับเกมเท่านั้น ที่เหลือเป็นงานผู้ตัดสินที่จะควบคุมอารมณ์นักเตะของเมียนมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลอยู่แล้ว

มาโน กล่าวด้วยว่า พอใจกับผลงานในเกมนี้ ทีมพัฒนาการขึ้นมาจากเกมแรก มีไอเดียการเข้าทำที่ชัดเจน สร้างโอกาสที่จะแจ้งได้มากกว่าเกมแรก อย่างไรก็ตามยังมีเส้นทางในรายการนี้อีกยาวและมี 2 เกมสำคัญที่ยากรออยู่ ต้องรักษาไอเดียการเล่น และการเคลื่อนที่ดีที่ของทีมเอาไว้

ส่วนกรณีที่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ยิง 2 ประตูในนัดนี้ ทำให้จำนวนประตูรวมการยิงรายการนี้ 17 ประตู สูงสุดเท่า นอห์ อลัม ชาห์ ของสิงคโปร์นั้น มาโน กล่าวว่า ตนมีความสุขกับธีรศิลป์ที่ยิงได้ 2 ประตู เป็นดาวยิงสูงสุดร่วมของรายการ ตั้งแต่ที่มาเมืองไทย ธีรศิลป์ เป็นผู้เล่นที่ดีอยู่แล้ว มีประสบการณ์สูง ยังคุยขำๆ กันว่าเขาอายุไม่น้อยแล้ว แต่ก็ยังเป็นคนที่มีคุณภาพเสมอ ยังจบสกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม

มาโน กล่าวถึงจุดโทษที่ได้จากเมียนมาว่า ชัดเจนว่านักเตะไทยโดนเตะล้มไป แล้วสุดท้ายถึงไม่มีจุดโทษก็ชนะได้เพราะคุมเกมได้ สร้างโอกาสได้มากกว่า และควรเป็นผู้ชนะในเกมนี้

ส่วนเกมต่อไปกับฟิลิปปินส์ มาโน กล่าวว่า “กังวลกับคุณภาพของพวกเขาเช่นกัน เพราะนักเตะของพวกเขาหลายคนมีประสบการณ์เยอะมาก นักเตะหลายคนมีคุณภาพ และประสบการณ์ และมันเป็นเกมที่ยากแน่นอน และเรารู้จักพวกเขา และเป็นข้อได้เปรียบเล็กน้อย หลายคนของฟิลิปปินส์ ก็เล่นในสโมสรเดียวกับนักเตะของไทย แต่เราต้องพยายามวิเคราะห์เกม เราต้องอย่ามองแต่ผลการแข่งขัน เราต้องดูฟอร์มการเล่น ผมรู้ว่าพวกเขาทำได้ดี แต่เกมล่าสุดเห็นได้ชัดว่าติมอร์ เลสเต เปลี่ยนนักเตะหลายคนจากเกมที่เจอกับไทย พวกเขาเป็นทีมดาวรุ่ง จริงอยู่ว่าสกอร์ออกมาเป็น 7-0 เราชนะ 2-0 มันอาจจะทำให้พวกเขามั่นใจ แต่เราต้องการเดินหน้าต่อไป เราต้องมองไปข้างหน้า และต้องมีสมาธิและเอาชนะให้ได้ในเกมต่อไป”

ด้าน ธีรศิลป์ แดงดา กล่าวว่า “ผมก็ดีใจที่ตัวผมสามารถทำประตูได้ และเป็นการยิงในทัวร์นาเมนต์นี้ได้อีกครั้ง และที่ดีใจมากกว่านั้นคือทีมของเราได้ชัยชนะมาครอง มีหลายอย่างดีๆเกิดขึ้น ทั้งการเล่นร่วมกัน การทำงานเป็นทีม ดีใจกับทีมมากกว่า ที่เรากลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ดี”

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เล่นรายการนี้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลร่วมกับ นอห์ อลัม ชาห์ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ดีใจที่ตัวผมทำเต็มที่มาตลอด และถือเป็นผลงานที่ดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือผลงานของทีม เพราะสถิติจะไม่มีความหมายเลย ถ้าหากเราไม่ชนะในเกมนี้ และเกมต่อไป เราไปไม่ถึงปลายทาง ผลงานของทีมสำคัญที่สุดสำหรับผม”