สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเทียนจิน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ว่านายหม่า จ้าวซวี่ รมช.การต่างประเทศจีน และนายลอเรอาโน ออร์เตกา มูริลโญ บุตรชายของประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา กับนางโรซาริโอ มูริลโญ รองประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง พบหารือกันที่เทศบาลนครเทียนจิน เมื่อวันศุกร์ เพื่อลงนามในคำประกาศร่วม ว่าด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี หลังผู้นำนิการากัวประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยุติความร่วมมือทั้งหมดกับรัฐบาลไทเป
ทั้งนี้ นิการากัวเคยยุติความสัมพันธ์กับไต้หวันมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อไปสถาปนาความสัมพันธ์กับจีน เมื่อปี 2528 ก่อนกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทเปอีกครั้ง เมื่อปี 2533
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกแถลงการณ์ “ผิดหวังและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง” อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในรัฐบาลไทเปให้ความเห็นว่า เรื่องนี้ “ไม่เหนือความคาดหมาย” เนื่องจากรัฐบาลออร์เตกากำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากสหรัฐ ซึ่งไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อเดือนที่แล้ว ที่ออร์เตกาชนะการเลือกตั้งต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 4
ด้านกระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ออกแถลงการณ์ว่า การดำเนินการของรัฐบาลนิการากัวต่อไต้หวันในครั้งนี้ “ปราศจากความชอบธรรม” เนื่องจากไม่ได้สะท้อนความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ด้วยเหตุที่รัฐบาล “ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างใสสะอาด”
อย่างไรก็ตาม นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรมว.การต่างประเทศจีน กล่าวว่า ปัจจุบันเหลือเพียง 14 ประเทศ ที่ยังคงให้การยอมรับทางการทูตอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทเป “ภายใต้แรงกดดันของสหรัฐ” และ “นโยบายดอลลาร์ไต้หวัน” หมายถึงเงินลงทุนมหาศาลจากรัฐบาลไทเป
สำหรับ 14 ประเทศที่ยังให้การรับรองไต้หวัน ได้แก่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส นครรัฐวาติกัน เฮติ ปารากวัย เอสวาตินี ตูวาลู นาอูรู เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ เซนต์คิตส์และเนวิส เซนต์ลูเชีย เบลีซ สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ และปาเลา.
เครดิตภาพ : AP