กองบริหารความปลอดภัยในจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (National Highway Traffic Safety Administration) หรือ NHTSA กล่าววานนี้ (9 ธ.ค.) ว่า กำลังพูดคุยกับบริษัทเทสลาเรื่องการตัดสินใจเปลี่ยนกล้องติดหน้ารถในรถยนต์บางรุ่นของบริษัท

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมาว่า เทสลากำลังเปลี่ยนกล้องหน้ารถในโมเดล S และ X หลายร้อยคัน รวมถึงอีก 3 คัน ที่มีปัญหาวงจรภายในทำงานผิดปกติ แต่ยังไม่มีการแจ้งเพื่อเรียกคืนอุปกรณ์

NHTSA กล่าวว่าทางหน่วยงานกำลัง “ตรวจสอบข้อมูลทุกช่องทาง” ซึ่งรวมถึงคำร้องเรียนของลูกค้า และยังเชิญชวนให้ประชาชนแจ้งมายัง NHTSA ในกรณีที่คิดว่าระบบความปลอดภัยในรถของตนอาจทำงานบกพร่อง ซึ่งไม่รวมกับกรณีของการเรียกคืนในตอนนี้

NHTSA กล่าวว่าตามกฎหมายสหรัฐระบุไว้ว่า ห้ามจำหน่ายยานพาหนะที่มีการออกแบบบกพร่องซึ่งนำไปสู่การเสี่ยงอันตรายโดยไม่สมควร นอกจากนี้ยังเสริมว่า ทางหน่วยงานมีเครื่องมือบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็งเพื่อปกป้องประชาชน เพื่อสืบสวนปัญหาแนวโน้มที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอันตราย และเพื่อใช้ในปฏิบัติการเมื่อพบหลักฐานว่าเกิดความเสี่ยงอันตรายโดยไม่จำเป็น

ทางด้านกลุ่มผู้บริโภคต่าง ๆ กล่าวว่าหน่วยงานทางการจำเป็นต้องตรวจดูว่าเทสลาได้มีการเรียกคืนอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่ทำงานบกพร่องหรือไม่

เจสัน เค. เลอวีน ผู้อำนวยการบริหารของศูนย์กลางความปลอดภัยยานยนต์กล่าวว่า เพียงแค่รายงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการออกแคมเปญบริการซ่อมแซมกล้องหน้ารถที่ทำงานผิดปกติ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากสำหรับระบบช่วยเหลือคนขับของเทสลา ก็มีความสำคัญมากพอที่จะพิจารณาความปลอดภัยของรถ และสมควรได้รับการตรวจสอบจาก NHTSA

เขายังกล่าวอีกว่า “ความเป็นจริงก็คืออุตสาหกรรมยานยนต์มีประวัติเก่าอยู่แล้ว เรื่องการเลือกที่จะออกแคมเปญรับซ่อม แทนการเรียกคืนอุปกรณ์ แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ากรณีนี้ก็เป็นแบบเดียวกัน”

เดวิด ฟรีดแมน อดีตเจ้าหน้าที่ของ NHTSA และปัจจุบันเป็นประธานขององค์กรรายงานเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า กล้องด้านหน้ารถที่ทำงานผิดปกติและระบบความปลอดภัยที่ใช้เพื่อตรวจสอบจุดอับสายตา มีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นตัวสร้างความเสี่ยงอันตรายเสียเอง

“ถ้าประชาชนเข้าถึงภาพจากจุดอับสายตาไม่ได้ หรือประสิทธิภาพของระบบออโตไพลอตหรือระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเกิดทำงานบกพร่อง ย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงอันตรายทั้งที่ไม่ควรเกิด” ฟรีดแมนกล่าว

ทางเทสลายังไม่มีความเห็นใด ๆ ในกรณีนี้

เครดิตภาพ : Reuters