สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ว่าคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ ขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แนะนำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แบบเชื้อตาย ควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์
ปัจจุบัน วัคซีนโควิด-19 ซึ่งพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเชื้อตาย และผ่านการรับรองเป็นกรณีฉุกเฉินแล้วจากดับเบิลยูเอชโอ ได้แก่ ซิโนฟาร์มและซิโนแวคของจีน และ “โควาซิน” ของบริษัทภารัต ไบโอเทค จากอินเดีย
ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาเคยมีมติเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนของซิโนฟาร์มหรือซิโนแวค ควรได้รับวัคซีน “ชนิดที่คล้ายคลึงกัน” เป็นเข็มที่สาม หลังการฉีดครบสองเข็มแล้วประมาณ 1-3 เดือน แต่อาจเปลี่ยนเป็นวัคซีนแบบอื่นได้ตามสถานการณ์ในเวลานั้น
ขณะเดียวกัน รายงานของคณะที่ปรึกษาชุดนี้ ยังคงยืนยันว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบเข็มเดียว ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน “ยังมีประสิทธิภาพเพียงพอ” ต่อเชื้อไวรัสโคโรนา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเองบ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนเดิมซ้ำอีกเข็มหนึ่ง เป็นการกระตุ้นได้ดี
อนึ่ง คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) อนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับการฉีดวัคซีนขอจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 2 เข็ม เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES