สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ว่าเมตาซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันพุธ เพิ่มข้อจำกัดเกี่ยวกับการโพสต์ และเผยแพร่เนื้อหาที่เชื่อมโยงถึงกองทัพเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นเพจ การตั้งกลุ่ม และบัญชีผู้ใช้งานใดก็ตามที่บ่งชี้ว่า เป็นตัวแทนของธุรกิจภายใต้การควบคุมของกองทัพเมียนมา


การดำเนินการดังกล่าวของเฟซบุ๊กเป็นการต่อยอดจากมาตรการ เมื่อปี 2561 ซึ่งเฟซบุ๊กปิดเพจ บัญชีผู้ใช้งาน และบัญชีอินสตาแกรม ส่งผลกระทบต่อบุคคลและหน่วยงานรวม 20 รายชื่อ ซึ่งมีผู้ติดตามรวมกันเกือบ 12 ล้านคน รวมถึงเพจอย่างเป็นทางการของ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และเพจสถานีโทรทัศน์ “เมียวดี” ในเครือของกองทัพเมียนมา


อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาในสหรัฐร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลของรัฐบาลกลาง ที่เมืองซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ในสัปดาห์นี้ ฟ้องดำเนินคดีแบบกลุ่มกับเมตา ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เรียกค่าเสียหาย 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5 ล้านล้านบาท) โดยกล่าวหายักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียของโลก “ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” ในการกำจัดเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม ซึ่งกระตุ้นความเกลียดชัง และส่งผลให้ชาวโรฮีนจาตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง และการเลือกปฏิบัติ “มานานหลายปี”


ปัจจุบันเมียนมามีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากกว่า 20 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศราว 54 ล้านคน แต่กลับมีทีมงานที่เข้าใจภาษาเมียนมา “ยังไม่ถึง 100 คน” นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารสูงสุดของเมตา ยืนยันจะเพิ่มการว่าจ้างทีมงานที่มีความเข้าใจในภาษา และวัฒนธรรมของเมียนมาโดยเร็วที่สุด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES