สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ว่าองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยแพร่รายงานว่า ตลอดปี 2563 มีชาวโลกเสียชีวิตจากโรคมาลาเรียมากกว่า 627,000 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทารกและอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของทวีปแอฟริกา สถิติดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณ 69,000 ราย เมื่อเทียบกับข้อมูลของปี 2562 ซึ่งระบุจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโรคมาลาเรียไว้ที่ 558,000 ราย
ทั้งนี้ สถิติการเสียชีวิตของประชากรในทวีปแอฟริกาจากโรคมาลาเรียนั้น สูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-19 ในทวีปแอฟริกา ซึ่งมีจำนวนประมาณ 224,000 ราย
นอกจากนั้น ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตจากโรคมาลาเรียในทวีปแอฟริกา มีความเชื่อมโยงกับข้อจำกัดหลายด้านจากมาตรการควบคุมทางสังคมเพื่อยับยั้งโรคโควิด-19 ทว่ากลับส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงระบบการรักษาที่เกี่ยวข้องกับโรคมาลาเรีย และกระบวนการป้องกันโรค
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของบุคลากรสาธารณสุขทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคทางตอนล่างของทะเลทรายซาฮารา ช่วยยับยั้งไม่ให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคมาลาเรียเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นสองเท่า ตามที่ดับเบิลยูเอชโอเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ดับเบิลยูเอชโอแนะนำวัคซีนต้านโรคมาลาเรีย ซึ่งมีชื่อสามัญว่า “อาร์ทีเอส,เอส” (RTS,S) และมีชื่อทางการค้าว่า “มอสกีริกซ์” (Mosquirix) โดยบริษัทแกล็กโซสมิธไคลน์ของสหราชอาณาจักรใช้เวลาพัฒนานานประมาณ 30 ปี “มีประสิทธิภาพเพียงพอ” ที่จะใช้เป็นวงกว้าง เพื่อป้องกันโรคมาลาเรีย ให้กับเด็กในทวีปแอฟริกา ควบคู่ไปกับกลไกป้องกันด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES