สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ว่าโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) เผยแพร่รายงานในสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับผลการสำรวจชีวิตและความเป็นอยู่ ของชาวเมียนมา 1,200 ครัวเรือน ในช่วงหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า มีแนวโน้มกลับคืนสู่ “การถดถอย” ในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นับตั้งแต่ปี 2548 หรือ 6 ปี ก่อนเมียนมาเริ่มเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจ เมื่อปี 2554


รูปการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณว่า กลุ่มชนชั้นกลางหรือประชากรที่มีฐานะปานกลางในเมียนมา “จะหายไป” ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการขับเคลื่อนทุกกลไกที่เกี่ยวข้อง เพื่อการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ


ขณะเดียวกัน ยูเอ็นดีพีคาดาการณ์ “ฉากทัศน์เลวร้ายที่สุด” คือสัดส่วนประชากรเมียนมาซึ่งมีคุณภาพชีวิตต่ำกว่าเส้นแบ่งเกณฑ์ความยากจน หมายถึงการมีรายได้ต่อวันต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 64 บาท) จะเพิ่มขึ้นจาก 24.8% เป็น 46.3% ภายในปีหน้า


ขณะที่อัตราความยากจนในเมืองจะเพิ่มขึ้นอีกสามเท่า ภายในปี 2565 จาก 11.3% เมื่อปี 2562 สู่ระดับ 37.2% โดยครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างซึ่งอาศัยอยู่ในเขตเมือง กล่าวกับยูเอ็นดีพี ว่าแทบไม่มีเงินสำรองเหลือแล้ว หลายครัวเรือนถึงขั้นต้องขายทรัพย์สิน อาทิ จักรยานยนต์.

เครดิตภาพ : AP