ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ TQM เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิดในรอบเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคในไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากสถิติข้อมูล Google Mobility ล่าสุดพบแนวโน้มการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ลดลง ขณะที่การอยู่ในที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นจากเดิม ประมาณการให้เห็นถึงการใช้รถของคนไทยว่ามีแนวโน้มลดลงตามการใช้ชีวิตวิถีใหม่ในโลกหลังโควิด ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมการใช้รถในชีวิตประจำวันนับเป็นระยะทางที่ไม่มากนักหรือจัดอยู่ในกลุ่มผู้ใช้รถน้อย
“เมื่อใช้รถน้อย ทำไมยังต้องจ่ายประกันเท่าเดิม นี่คือโจทย์ใหม่ที่ท้าทายของธุรกิจประกันรถยนต์ เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน TQM จึงต้องปรับและพัฒนาเครื่องมือให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าจึงเป็นที่มาของ ‘ประกันรถยนต์เติมเงิน’ โปรดักต์ประกันภัยรถยนต์ที่สามารถให้ลูกค้าซื้อประกันตามระยะทางที่ใช้จริงได้ และถ้าประกันหมดก็ซื้อเติมอีกได้ตามการใช้งาน โดยการทำงานของ ‘ประกันรถยนต์เติมเงิน’ นี้ มาพร้อมนวัตกรรม UBI (Usage Base Insurance) แพลตฟอร์มที่ TQM พัฒนาขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยงกับข้อมูลพฤติกรรมการใช้รถของผู้บริโภค และได้พาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G อย่าง เอไอเอส มาร่วมพัฒนาจนกลายเป็นอุปกรณ์จับวัดระยะทางที่ใช้ชื่อว่า TQM UBI Connect”
ด้านนายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กรบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เอไอเอส ได้ใช้นวัตกรรม IoT ผสานเข้ากับเทคโนโลยี AIS 5G ที่ครอบคลุมสูงสุด คลื่นมากสุด เพื่อพัฒนาเป็นอุปกรณ์ TQM UBI Connect ที่มีความแม่นยำในการรวบรวมข้อมูลและจับวัดระยะทางการใช้งานรถยนต์ของผู้บริโภคทุกครั้งที่เกิดการขับขี่ โดยวิธีการใช้งานที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วเพียงติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับตัวรถผ่านช่อง USB แล้วลงทะเบียนเข้าใช้งานผ่านไลน์ของ TQM
นอกจากนี้ ระบบยังสามารถแจ้งเตือนให้ผู้เอาประกันคอยอัพเดทเลขไมล์เป็นระยะ ๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียผลประโยชน์ และก่อนที่ประกันจะหมดตามระยะทางที่ทำประกันไว้ ระบบจะมีการแจ้งเตือนให้ทราบผ่านไลน์ ซึ่งสามารถเข้าไปเติมไมล์ได้จากระบบที่รองรับไว้ จุดเด่นอีกอย่างของอุปกรณ์ตัวนี้คือ สามารถใช้ร่วมกับบริษัทประกันภัยได้หลากหลาย แม้ภายหลังหากลูกค้าเปลี่ยนบริษัทประกันภัยก็ยังคงสามารถใช้อุปกรณ์เดิมได้.
