เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เปิดเผยว่า ความต้องการเตียงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่ม “กล้าอาสา-หาเตียง” ได้ปรับการทำงานเพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยด้วยการแบ่งเป็น 7 ทีม โดยมี 1 ทีมสำหรับการช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ และมีอีกทีมดูแลผู้ป่วยที่มีอาการระดับสีเหลือง สีแดง ทั้งนี้ ทีมของเราได้พบปัญหาเรื่องความล่าช้าในการรับการรักษาผู้ป่วย ซึ่งมีปัจจัยสำคัญคือเงื่อนไขที่ต้องมีใบผลตรวจ RT- PCR รับรองก่อนจึงจะเข้าสู่ระบบรอที่รักษาได้ ทำให้เราต้องเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาอุปกรณ์การตรวจแบบ Rapid Antigen Test ให้กลุ่มเสี่ยงเข้าถึงได้โดยสะดวก และไม่มีค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่รัฐบาลทำแล้วคือแค่บอกว่าอนุญาตให้หาซื้ออุปกรณ์นี้ไปใช้ได้ เราจึงขอให้รัฐบาลปรับปรุงกติกาและลดภาระของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่สีแดงที่ส่วนใหญ่เป็นคนยากจน ควรได้รับการตรวจด้วย Rapid Antigen Test ฟรี และขอให้ผ่อนปรนด้วยว่าถ้ารู้ผลจากการตรวจด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวแล้วพบว่าติดเชื้อ ควรได้เข้าสู่ระบบหาเตียงรักษาพยาบาลได้ทันที

“วิกฤติครั้งนี้เมื่อ 2 เดือนก่อน ยังไกลตัวประชาชนส่วนใหญ่ แต่วันนี้แทบทุกคนมีผู้ป่วยที่เรารู้จักเป็นการส่วนตัว แม้แต่เศรษฐีที่พยายามใช้เงินเพื่อซื้อความช่วยเหลือให้ลูกน้องที่ป่วยโควิด แต่ปรากฏว่าแม้มีเงิน เขาก็ซื้อบริการทางการแพทย์ที่ต้องการไม่ได้ และเงินไม่เป็นหลักประกันที่เพียงพอว่าจะช่วยคนได้  ผมประเมินว่าเราจะอยู่กับสถานการณ์เช่นนี้อีกอย่างน้อย 2 เดือน และจะพ้นวิกฤตินี้ไปได้ต้องมีวัคซีนอย่างเดียว” นายกรณ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ริมทางรถไฟสายท่าเรือ เขตคลองเตย ชาวชุมชนใช้ลานกีฬาใต้ทางด่วนตั้งเต็นท์ล้อมสแลนทำจุดพักคอย ชุมชน (Community Isolation) แยกผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัว ป้องกันการระบาดในชุมชนกันเอง โดยตนและทีมงานพรรคกล้าได้นำหน้ากากอนามัย ยาฟ้าทะลายโจร และอาหารแห้ง ไปช่วยเหลือผู้ที่กักตัวในศูนย์พักคอยดังกล่าว ก่อนจะย้ายไปยังศูนย์พักคอยที่วัดสะพาน ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อให้ผู้ที่มีอาการหนักขึ้นได้เข้าสู่การรักษาพยาบาล