วานนี้ (18 พ.ย.) ทีมงานฉุกเฉินที่เมืองแอบบอตส์ฟอร์ด มณฑลบริติชโคลัมเบีย ยังคงพยายามเข้าช่วยเหลือประชาชน 18,000 คนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ หลังจากน้ำท่วมและดินถล่มทำลายถนน บ้าน และสะพาน แม้ว่าระดับน้ำท่วมเริ่มลดลง แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักก็ปิดกั้นการเข้าถึงเมืองที่ประสบเหตุและตัดหนทางเข้าสู่ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศในแวนคูเวอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบห่วงโซ่อุปทานที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติทั่วโลก

จอห์น ฮอร์แกน ผู้นำของมณฑลบริติชโคลัมเบีย ประกาศภาวะฉุกเฉิน และกล่าวว่ายอดผู้เสียชีวิตยืนยันจะเพิ่มขึ้นขณะที่ตำรวจแจ้งว่ามีผู้สูญหายเพิ่มอีก 4 คน

เมืองที่ได้รับผลกระทบหลายแห่งอยู่ในพื้นที่ภูเขาทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของแวนคูเวอร์ ซึ่งเข้าถึงได้อย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีประจำจังหวัดกล่าวในการบรรยายสรุปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ทางหลวงสายสำคัญบางสายเริ่มทยอยเปิดให้รถวิ่งได้อีกครั้ง

บางเมืองแจ้งปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง รองนายกเทศมนตรี ไมค์ ฟาร์นเวิร์ธ กล่าวว่า ทางจังหวัดกำลังสำรวจว่าจะนำเข้าเชื้อเพลิงจากสหรัฐ หรือจากเมืองอัลเบอร์ตา ที่อยู่ใกล้เคียง

บิล แบลร์ รัฐมนตรีกระทรวงการเตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง กล่าวว่ากระแสน้ำในแม่น้ำเริ่มลดลงในขณะที่ฝนก็เริ่มเบาลงเช่นกัน รัฐบาลกลางสัญญาว่าจะส่งบุคลากรจากกองทัพอากาศหลายร้อยนายไปยังมณฑลบริติชโคลัมเบีย โดยได้มาถึงแล้วบางส่วน และอีกหลายพันคนกำลังเตรียมพร้อมรอประจำการ

ประชาชนแห่ซื้อของจากร้านค้าเพื่อกักตุน หลังจากตื่นตระหนกว่าอาจไม่มีสินค้าวางขายเนื่องจากการขนส่งหยุดชะงัก แม้ว่าทางการจะยืนหยัดว่ายังคงมีสินค้าประเภทอาหารวางขายอย่างพอเพียง เพียงแต่ต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งเท่านั้น

ทางการเมืองแอบบอตส์ฟอร์ดทางตะวันออกของแวนคูเวอร์ เกรงว่าน้ำจะท่วมสถานีสูบน้ำ และมีคำสั่งให้อพยพชาวเมืองทั้งหมด 160,000 คน นายกเทศมนตรี เฮนรี เบราน์ กล่าวว่า สถานการณ์ของสถานีสูบน้ำยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงและน้ำเริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม พยากรณ์อากาศแจ้งว่าจะมีฝนตกหนักอีกในสัปดาห์หน้า

“เรายังไม่หลุดพ้นเรื่องนี้โดยเด็ดขาด” เขากล่าว และเสริมว่าเขาได้รับคำสัญญาจากทรูโดและคณะรัฐมนตรีประจำมณฑลว่าจะส่งความช่วยเหลือมาให้ เขาประเมินว่าการซ่อมแซมและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 792 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (25,866 ล้านบาท) แต่ก็ยืนยันว่าทางการมีงบประมาณมากพอที่จะทำได้

เครดิตภาพ : Reuters