วันนี้ (17 พ.ย.) นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ เอ็ตด้า เปิดเผยถึงแผนงานในปี 65 ซึ่งก้าวสู่ปีที่ 11 ของเอ็ตด้า ว่า จะเดินหน้ายกระดับชีวิตคนไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นความสำคัญใน 4 เรื่อง คือ 1.กำกับและดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล โดยเดินหน้าผลักดันให้เกิดการบังคับใช้ (ร่าง) พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการกำกับดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. … และลดความทับซ้อนการกำกับดูแล ด้วยการร่วมมือทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ regulator ที่สำคัญ

ส่วนเรื่องที่สอง คือ สร้างความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมฯ ด้วยการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (ดิจิทัล ไอดี) โดยการสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของ ดิจิทัลไอดี ผ่านแคมเปญ “MeID” สู่การผลักดันเกิดการใช้งานจริง อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยนวัตกรรมที่ผ่านการทดสอบจากเอ็ตด้า แซนด์บ็อกซ์ รวมถึงผลักดันให้หน่วยงานกำกับดูแล เดินหน้าขับเคลื่อนงานด้าน ดิจิทัล ไอดีไป ในทิศทางเดียวกัน

นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่สาม คือ สร้างความเชื่อมั่นในการใช้นวัตกรรม ผ่านสนามทดสอบเอ็ตด้า แซนด์บ็อกซ์ ที่ปรับบทบาทสู่การเป็นสนามทดทดร่วม และผสานความร่วมมือทดสอบนวัตกรรม ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต่อยอดขอบเขตการทดสอบนวัตกรรมที่ครอบคลุมในกลุ่ม เฮลท์เทค และ เอไอ เพื่อผลักดันการดำเนินงานที่สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลในการยืนยันตัวตนทางดิจิทัลด้วยใบหน้า และเรื่องสุดท้าย คือ การขยายความร่วมมือสร้างโอกาสเพื่อร่วมแก้ ปัญหา ของสังคม ก้าวสู่โลกดิจิทัลที่ทุกคนมั่นใจ ผ่านการเร่งสร้างบริการดิจิทัลให้เกิดขึ้นในภาครัฐ อาทิ สนับสนุนให้เกิดการใช้งาน ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ในกระทรวงและ ขยายระบบอี-สารบรรณ ไปยังหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันมากขึ้น

พร้อมทั้งสนับสนุนเอสเอ็มอี ให้เกิดการจับคู่ทางธุรกิจ เพิ่มการใช้งานนวัตกรรมด้านอี-ออฟฟิศ พัฒนากระบวนการทำธุรกิจ รวมถึงการยกระดับคนในชุมชนอย่างเต็มรูปแบบ ที่พร้อมไปด้วยคู่มือหลักสูตรต่างๆ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เดินหน้าสร้างความตระหนักรู้ ผลักดันให้เกิดการนำหลักสูตรและคู่มือ ดิจิทัล ซิติเซ่น เพื่อสร้างฐานพลเมืองดิจิทัลคุณภาพ สู่การเป็น ผู้ส่งต่อความรู้ พร้อมยกระดับคุ้มครองผู้บริโภคกับการทำงานเชิงรุก และขยายเครือข่ายความร่วมมือเปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนผ่านหน่วยงานสถิติในแต่ละจังหวัด เป็นต้น