สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำประกาศฉบับหนึ่ง เมื่อวันอังคาร มีเนื้อหาสำคัญคือ การห้ามเจ้าหน้าที่รัฐบาลนิการากัว “ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง” เดินทางเข้ามาในสหรัฐ นำโดยประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา และนางโรซาริโอ มูริลโญ รองประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง


ทั้งนี้ ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลของออร์เตกา “ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย” แต่ “เป็นเผด็จการ” การควบรวมอำนาจเบ็ดเสร็จที่เกิดขึ้น เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการการเลือกตั้ง และเป็นการลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของชาวนิการากัว ในการเลือกผู้นำของตัวเอง ผ่านกระบวนการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นอิสระอย่างแท้จริง


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังสหรัฐ สหราชอาณาจักร และแคนาดา บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อเจ้าหน้าที่ของนิการากัวจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีบทบาทในการจัดการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตรยืนกราน “ไม่มีทางยอมรับ” การที่ออร์เตกาได้รับชัยชนะเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน “ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนท่วมท้น” คือมากกว่า 76%


ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไบเดนลงนามในกฎหมายว่าด้วย “การส่งเสริมให้นิการากัวยึดมั่นต่อเงื่อนไขตามกระบวนการปฏิรูปการเลือกตั้ง” ให้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ หลังสภาผู้แทนราษฎรผ่านกฎหมายดังกล่าว เมื่อเดือนที่แล้ว ต่อจากการเห็นชอบของวุฒิสภา เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมาตรการสำคัญของกฎหมายนี้ คือ “การใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลนิการากัวของประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ด้วยการจำกัดการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ และการพุ่งเป้าใช้มาตรการต่อกระบวนการคอร์รัปชั่นในรัฐบาลของออร์เตกา”

ด้านออร์เตกาประณามสหรัฐว่า “จักรวรรดินิยมแยงกี้” ที่ต้องการบ่อนทำลายกระบวนการเลือกตั้งของนิการากัว.

เครดิตภาพ : REUTERS