นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ดีป้า ร่วมกับ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) สมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (Bangkok ACM SIGGRAPH) และ บริษัท แอทไวส คอนซัลติ้ง จำกัด ดำเนินการสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ประจำปี 2563 และคาดการณ์แนวโน้ม 3 ปี ครอบคลุม 3 สาขาหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมแอนิเมชั่น อุตสาหกรรมเกม และอุตสาหกรรมคาแรกเตอร์ โดยในปี 63 ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยปี 2563 มีมูลค่าอุตสาหกรรมอยู่ที่ 39,332 ล้านบาท เติบโต 26.55% โดยได้รับอานิสงส์จากอุตสาหกรรมเกมที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อแยกเป็นรายอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมเกมในปี 63 โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 34,316 ล้านบาท เติบโต 34.89% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของผู้ให้บริการเกมบนแพลตฟอร์มโมบาย จากทั้ง iOS และ Android โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 21,049 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61.34% ของมูลค่าอุตสาหกรรมเกมปี 2563 ซึ่งจากผลการสำรวจสถานภาพและคาดการณ์ดังกล่าว ทำให้ให้ ดีป้า ต้องเร่งทบทวนนโยบายและมาตรการสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาและต่อยอดอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเกมที่ควรมุ่งเน้นไปที่ผู้พัฒนาเกม (Game Developer) เพื่อตีตลาดเกมและเก็บส่วนแบ่งจากประเทศอื่น ๆ ที่เป็นประเทศผู้พัฒนาเกมชั้นนำของโลก

สำหรับในส่วนของอุตสาหกรรมแอนิเมชั่น มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,056 ล้านบาท หดตัว 12.54% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับชมแอนิเมชันจากโทรทัศน์ผ่านช่องทางฟรีทีวี หรือเพย์ทีวี ไปสู่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์จากต่างประเทศ อาทิ Netflix, Disney+ ฯลฯ และจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ทำให้โรงภาพยนตร์ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ จึงส่งผลให้รายได้จากภาพยนตร์แอนิเมชันลดลงถึง 50.51% เมื่อเทียบกับปี 62 เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1,960 ล้านบาท หดตัว 8.67% เนื่องจากผลพวงทางเศรษฐกิจของวิกฤต โควิด-19 ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของคนไทยหลายกลุ่มลดลง การบริโภคสินค้าในกลุ่มคาแรคเตอร์ที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าเพื่อการสะสมมีปริมาณลดลง

“ความเปลี่ยนแปลงของตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ที่เกิดขึ้น ดีป้า คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีก 3 ปี โดยจะมีมูลค่าอุตสาหกรรมอยู่ที่ 49,649 ล้านบาท และ 59,136 ล้านบาท ในปี 64 และ 65 ซึ่งมูลค่าอุตสาหกรรมอาจพุ่งทะยานถึง 72,703 ล้านบาทในปี 66 โดยมีปัจจัยหนุนมาจากตลาดเกมที่ประเมินว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมากจากสถานการ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ส่วนอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นจะขยายตัวจาก มีมติผ่อนคลายมาตรการของภาครัฐให้โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดได้ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการบริโภคภาพยนตร์แอนิเมชั่นผ่านโรงภาพยนตร์ปรับตัวขึ้นมากจากปี  62 เช่นเดียวกับตลาดคาแรกเตอร์ที่มีการปรับตัว โดยเปลี่ยนจากการผลิตของเล่น และของสะสม เป็นการผลิตสินค้าในกลุ่มอุปโภคและบริโภคมากขึ้น”

นายณัฐพล กล่าวต่อว่า ดีป้า มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย โดยเน้นให้ความรู้ พัฒนาทักษะบุคลากร สร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การเจรจาจับคู่ธุรกิจ จัดให้มีการอบรมให้กับบริษัทดิจิทัลสตาร์ทอัพ หรือผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการประกอบ ความร่วมมือกับแพลตฟอร์มโซเชียล เพื่อให้เกิดการสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพสู่สังคมไทย และส่งเสริมและสร้างความตระหนักด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ สามารถสร้างสรรค์และเสริมสร้างทักษะความรู้ด้านการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์พร้อมขับเคลื่อนสังคมออนไลน์ให้มีคุณภาพผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล.