นายพรรณนา ราชิวงค์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์ บ้านท่าไค้-นาแล ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์ บ้านท่าไค้-นาแล ได้รวมกลุ่มกันตั้งแต่ปี 2556 โดยรวบรวมกลุ่มเกษตรกรในชุมชนที่มีแนวคิดว่าจะผลิตข้าวที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และปลอดสารพิษ ถ้าจะผลิตข้าวแบบเดิมคงจะไม่ได้ เพราะความต้องการของผู้บริโภคต่อไปข้างหน้า ต้องบริโภคข้าวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมีตกค้างในเมล็ดข้าว โดยปี 2556 รวมกลุ่มกันได้ 40 คน หลังจากนั้นทางพัฒนาที่ดินจังหวัดมุกดาหาร ได้เข้ามาให้คำแนะนำเรื่องดินให้ดีขึ้น และเพิ่มผลผลิตในการปลูกข้าวอินทรีย์ได้สูงขึ้น ต่อมาปี 2560 ได้เข้าโครงการเกษตรอินทรีย์ข้าว 1 ล้านไร่ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลให้เงินอุดหนุนในการทำนาเกษตรอินทรีย์ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ เข้าโครงการนี้สมาชิกปีแรก 70 คน พื้นที่ 690 ไร่ ปีที่ 2 มีการคัดกรองสมาชิกจาก75 คน เหลือ 73 คน พื้นที่เหลือ 650 ไร่ ปี 2563 ได้รับรองมาตรฐาน Organic Thailand และได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลด้วย ปี่ที่ 2 ได้ไร่ละ 3,000 บาท ปีที่ 3 ได้ไร่ละ 4,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่

นายพรรณนา เปิดเผยอีกว่า ในกลุ่มของมีความคิดว่าถ้าขายข้าวให้กับโรงสีก็จะเสียเปรียบ จึงได้รวบรวมผลผลิต ระดมหุ้น และขอเงินสนับสนุนจากกองทุนหมู่บ้าน 300,000 บาท รวมแล้วประมาณ 500,000 บาท มาซื้อผลผลิตจากสมาชิก ให้ราคาสูงกว่าตลาดประมาณ 2-4 บาท เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับสมาชิกเกษตรอินทรีย์ ส่วนเรื่องการตลาดแปรรูปเป็นข้าวสาร ข้าวกล้อง และข้าวฮางงอก ในปี 2563-2564 ประมูลประกวดราคาระบบ e-bibding ของรพ.มุกดาหาร ได้ชนะการประมูลจึงได้ส่งข้าวให้กับโรงพยาบาล มีข้างกล้อง 20 ตัน ข้าวขาว 10 ตัน รวมแล้ว 30 ตัน / ปี ถ้าเป็นข้าวเปลือก 60 ตัน สามารถที่จะช่วยสมาชิกขายข้าวเปลือกไห้กับกลุ่มได้ราคาที่ดีขึ้น

นอกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ยังส่งโรงแรม ร้านอาหาร และส่งขายทั่วไป ปีหนึ่งประมาณ 300 ตัน เป็นผลผลิตของกลุ่ม แต่เราไม่สามารถซื้อข้าวจากสมาชิกได้ทั้งหมด เพราะว่ามีเงินทุนจำกัด ถ้าจะซื้อทั้งหมดเป็นเงินหลายล้านบาท แต่มีเงินทุน 500,000 บาท โดยซื้อมาขายไปก็พอหมุนเวียนได้ ปีหนึ่งก็ประมาณ 60-70 ตัน ส่วนที่เหลือให้สมาชิกขายส่งโรงสี และในปีนี้วางแผนจะสามารถซื้อข้าวจากสมาชิกได้ประมาณ 100-200 ตัน โดยได้ทำโครงการไปขอเงินกู้ ธ.ก.ส. โดยโครงการล้านละ 100 ทาง ธ.ก.ส. ก็ได้อนุมัติแล้ว 2,000,000 บาท จะนำเงินกู้ไปซื้อข้าวสมาชิก เพราะว่าการตลาดถ้าไม่มีข้าวในสต๊อคไว้ เวลาไปเสนอขายข้าว ถ้าเกิดว่าลูกค้าสั่งข้าว เราไม่มีข้าว ก็จะขายข้าวให้ลูกค้าไม่ได้ ฉะนั้นปัญหาหนึ่งคือ ต้องมีข้าวในสต๊อกไว้ตลอดทั้งปี 60-70 ตัน อนาคตข้างหน้ามีแผนจะเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ ไปจดทะเบียนเป็นนาแปลงใหญ่ มีพื้นที่ประมาณ 1,022 ไร่ สมาชิก 99 ราย รวมสมาชิกข้าวอินทรีย์มารวมกับสมาชิกนาแปลงใหญ่

ส่วนปัญหาอีกอย่างคือปุ๋ยไม่เพียงพอ ทางกลุ่มจึงทำโครงการของนาแปลงใหญ่ได้เงินมา 3,000,000 บาท นำมาซื้อเครื่องผลิตปุ๋ยอัดเม็ดอินทรีย์ จะเริ่มดำเนินการเร็วนี้ สำหรับส่งให้สมาชิกไปใช้ และเครือข่ายมีความต้องการ และทางกลุ่มก็ได้ซื้อรถไถนา 2 คัน เพื่อมาบริการสมาชิกเพื่อลดต้นทุนในการทำนาลงได้ ส่วนช่องทางการขายได้หารือกับทาง กอ.รมน. หาช่องทางการขายข้าวอินทรีย์ในต่างจังหวัด มีเครือข่ายทั้ง 77 จังหวัด กำลังหารืออาจจะมีการเอาข้าวไปแลกเปลี่ยนกับผลไม้จากภาคอื่น ๆ เป็นอีกช่องทางหนึ่งขายข้าวอินทรีย์ ทางกลุ่มยังได้รับรองมาตรฐาน Organic Thailand อีกด้วย สำหรับหน่วยงานต่างๆ สนใจข้าวอินทรีย์ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 086-8627369 หรือแวะมาเยี่ยมชมได้ที่กลุ่มเกษตรอินทรีย์ บ้านท่าไค้-นาแล ต.นาสีนวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร