“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ มีคิวแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค.64-วันที่ 1 ธ.ค.65 โดยช้างศึก อยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับ เมียนมา, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และติมอร์เลสเต

นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เผยถึงกฎระเบียบของการแข่งขันต่างๆ ที่จะใช้ในรายการนี้ว่า เนื่องจากช่วงการแข่งขันภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ สิงคโปร์ มีระเบียบข้อบังคับเพิ่มขึ้นมา อย่างเช่นรายชื่อนักเตะ 30 คนสุดท้าย จะต้องส่งล่วงหน้าเพื่อดำเนินการด้านสาธารณสุขเข้าประเทศ นอกจากนี้เมื่อไปถึงจะต้องกักตัวราวๆ 6-24 ชั่วโมงเพื่อรอผลตรวจ RT-PCR ก่อนจึงจะทำกิจกรรมร่วมกันได้ เท่ากับว่าเวลาซ้อมนั้นจะหายไป 1 วันเต็มๆ จึงอาจจะวางแผนให้เดินทางตั้งแต่ช่วงเช้า ให้ได้รับผลตรวจภายในคืนวันเดินทาง จะได้เตรียมการซ้อมในวันรุ่งขึ้นได้เลย

ทั้งนี้ 30 นักเตะที่เดินทางไปนั้น จะสามารถลงทะเบียนในแต่ละเกมได้แค่ 23 คน แต่สามารถสลับสับเปลี่ยนได้ทุกนัด ส่วนเรื่องของการเปลี่ยนตัว ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้รับรองกฎใหม่ในการเปลี่ยนตัวแบบ 5 คน ภายใน 3 ครั้ง ไม่รวมพักครึ่งเวลาแล้ว ดังนั้นก็จะใช้กฎนี้ทันที ส่วนในรอบน็อกเอาต์ถ้ามีการต่อเวลาก็จะเพิ่มได้อีก 1 คน

พ่อบ้านบอลไทย กล่าวต่อไปว่า เรื่องของกฎกติการการแข่งขันยังยึดแบบเดิม จำนวนเกมที่ต้องเล่นเท่าเดิม (รอบรองฯ และ รอบชิงฯ เตะ 2 นัด) วิธีการวัดคะแนนในรอบแบ่งกลุ่มหากมีแต้มเท่ากัน จะดูที่เฮดทูเฮดก่อน แล้วค่อยดูผลต่างประตูได้-เสีย อย่างไรก็ตามในซูซูกิ คัพ จะไม่มีวิดีโอช่วยตัดสิน (วีเออาร์) ใช้งาน เนื่องจากว่าการจะใช้วีเออาร์ ผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ต้องมีไลเซนส์ต่างๆ ซึ่งลีกในอาเซียนซึ่งระบบวีเออาร์ไม่แพร่หลาย ทำให้ไม่มีบุคลากรที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ขณะเดียวกัน ผู้ตัดสินจะเน้นในอาเซียนเพื่อพัฒนาระบบผู้ตัดสินไปในตัว แต่การจะเชิญผู้ตัดสินนอกอาเซียนมาหรือไม่นั้นยังไม่มีการยืนยัน

สำหรับโปรแกรมของทีมไทยในรายการนี้ วันที่ 5 ธ.ค. พบ ติมอร์เลสเต, วันที่ 11 ธ.ค. พบ เมียนมา, วันที่ 14 ธ.ค. พบ ฟิลิปปินส์ และวันที่ 18 ธ.ค. พบ “เจ้าภาพ” สิงคโปร์