เมื่อวันที่ 15 พ.ย.น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ตนได้ประชุมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา Partnership School Project ร่วมกับผู้แทนของภาคเอชน ซึ่งที่ประชุมได้ชี้แจงถึงแนวทางการปรับปรุงแก้ไขและต่อยอดการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่จะขับเคลื่อนการศึกษาของประเทศ รวมถึงรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานในโครงการนี้ที่ขับเคลื่อนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะทการดำเนินงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของภาคเอกชนแต่ละแห่ง โดยศธ.ยืนยันที่สานต่อโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งวางแผนความร่วมมือในปีการศึกษา 2565 โดยอาจจะมีการขยายโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการนี้ และเพิ่มบทบาทความร่วมมือกับอาชีวศึกษาให้มากขึ้น เพราะตนมองว่าภาคเอกชนที่เข้ามาช่วยสนับสนุนสามารถช่วยผู้เรียนอาชีวศึกษาในเรื่องของการฝึกภาคปฎิบัติได้

ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับโครงการดังกล่าวมีโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นที่1 จำนวน 50 แห่ง รุ่นที่2 จำนวน 84 แห่ง และรุ่นที่3 จำนวน 61 แห่ง ซึ่งที่ประชุมต้องการให้ภาคเอชนเข้ามาช่วยสนับสนุนการจัดศึกษาให้มากขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่างสพฐ.และภาคเอชนขึ้น เพื่อให้ภาคเอกชนที่เข้ามาช่วยจัดการศึกษาได้มีส่วนร่วมในการบริหารโรงเรียนทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการสถานศึกษา ออกหลักเกณฑ์การบริหารร่วมกับโรงเรียน การจัดทำหลักสูตร การบริหารงบประมาณ ซึ่งมีตัวอย่างความร่วมมือของภาคเอกชน เช่น บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับโรงเรียนได้ออกแบบหลักสูตรให้ผู้เรียนสามารถค้าขายมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นต้น ซึ่งการบริหารจัดการจะเป็นไปตามบริบทของสภาพพื้นที่โรงเรียนแต่ละแห่ง