เรียกว่าเป็นอีกผลงานที่ฉีกตลาดหนังไทยในตอนนี้ สำหรับ “Dark World (ดาร์ค เวิลด์)…เกม ล่า ฆ่า รอด”ภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟ จาก “เอ็ม พิคเจอร์ส” ร่วมกับ “สแล็ป มอนสเตอร์” ฝีมือผู้กำกับ โน้ต จูเนียร์-จิตต์สิน ผ่องอินทรกุล ที่ก้าวออกจากเซฟโซน มากำกับแนวหนังในฝัน ที่เจ้าตัวอยากทำในรอบ 7 ปี โดยผลิตในนาม “อาร์มันโด้ โปรดักชั่น” ได้ พิง ลำพระเพลิง รับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์ กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการเสียดสีและกะเทาะเปลือกสังคม สำรวจลึกลงไปในจิตใจของมนุษย์ ผ่านการเล่าในเรื่องราวในยุคดิสโทเปีย ที่โลกไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ คนมีอำนาจและเงินตรา กลายเป็นห่วงโซ่อาหารชั้นบนสุด ส่วนที่เหลือต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดผ่านเกมเด็กเล่น ร่วมด้วยทัพนักแสดงมากฝีมือ นำโดย ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์, แซมมี่-ปัณฑิตา เคาวเวลล์ , น้ำหวาน-รักษ์ณภัค วงศ์ธนทัศน์,ตูมตาม-ยุทธนา เปื้องกลาง,นิว-ชัยพล พูพาร์ท,วิลลี่ แมคอินทอช,รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น และ เดวิด อัศวนนท์ ที่เล่นกันแบบทุ่มสุดทาง

“Dark World (ดาร์ค เวิลด์)…เกม ล่า ฆ่า รอด” จะพาไปปลดปล่อยจินตนาการสุดขั้ว สัมผัสโลกอนาคตที่เทคโนโลยีก้าวไกล แต่จิตใจคนกลับมืดมน ชีวิตคนด้อยค่ากว่าทรัพย์สินเงินทอง เมื่อหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 3 ทุกอย่างจบลงด้วยความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ ผู้คนอยู่อย่างไร้กฎเกณฑ์ คนรวยคือผู้ชี้เป็นชี้ตาย คนจนเป็นเพียงทาสรับใช้ คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่มีชีวิตรอด “เฟียร์” (แซมมี่) , “ไอรีน” (ดิว) และ “รัน” (น้ำหวาน) ในวัยเด็ก ต่างถูกจับให้ลงเล่นในเกมที่จัดขึ้นมาเพื่อสนองความสนุก ความบ้าคลั่งของคนรวย กติกามีเพียงใครแพ้ต้องตาย “เฟียร์” โดนเพื่อนรักหักหลังจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด 20 ปีผ่านไป โลกที่พวกเธอรู้จักยังโหดร้ายไม่เปลี่ยน 3 สาวต่างมีชีวิตและเส้นทางที่แตกต่างกัน แต่โชคชะตานำพาให้ทั้งหมดโคจรมาพบกันและต้องลงแข่งในเล่นเกมที่เดิมพันด้วยชีวิตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ!

วันนี้ “มูฟวี่โซน” จึงไม่พลาดพาทุกคนมาพูดคุยกับ โน้ต จูเนียร์ และ โจ-ปิยะวัฒน์ ปฐมวาณิชย์ บอสใหญ่สแล๊ป มอนสเตอร์ เพื่อเจาะลึกถึงความเป็นมาของโปรเจ็คภาพยนตร์ ที่ผ่านการถกเถียง กลั่นกรอง รวมถึงถ่ายทอดสังคมและการเอาตัวรอดของมนุษย์ ผ่านมุมมองหนังแอคชั่นไซไฟ พร้อมด้วยเงินทุนกว่า 30 ล้านบาททีเดียว!

Q : ถามถึงที่มาของโปรเจ็ค “ดาร์ค เวิลด์” ที่เล่าถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 จบลงด้วยความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ ทำไมถึงสนใจอยากเล่าเรื่องราวนี้?

โน้ต จูเนียร์ : แรกเริ่มโปรเจ็คต์มาจากคุณโจอยากได้หนังที่มันไม่ตลาดจ๋า แบบเป็นหนังตลก หนังรัก หนังผี ที่เป็นปกติ จริง ๆ ผมมีไอเดียนี้มานานแล้ว แต่มันไม่เคยมีโอกาสได้ทำ ด้วยความที่มันถูกให้ทำหนังตลกมาโดยตลอด ด้วยความที่เป็นลูกโน๊ต เชิญยิ้ม เลยมีอะไรแบบนี้ ผมเริ่มคิดเกี่ยวกับเรื่องเกมมาตั้งแต่ตอนที่มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ทำหนัง ‘13 เกมสยอง’ มันก็นานมากแล้ว แต่เรายังไม่เคยมีโอกาสไปเสนอที่ไหนทำเลย จนวันนึงก็ได้เจอคนที่กล้าที่จะให้ลูกชายตลกคนนึงได้ทำครับ ก็มาเจอคุณโจ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเบื่อวงการนี้ เลยหายไปสัก 10 ปี ก็ไปหาตัวเอง ไปทำหลายอย่าง จนได้มาทำเรื่องนี้ มันก็เกิดไอเดียจากคือยุคนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสิทธิต่าง ๆ เยอะขึ้น บ้านเราหรือแม้แต่เมืองนอกเอง ก็เริ่มเรียกร้องสิทธิต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ด้วยการทรยศต่อระบอบ ทั้งเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ทั้งเรื่องของทหารที่จับตัวประกันในห้างที่โคราช เราเลยรู้สึกว่าขนาดเรามีกฎหมาย ทุกอย่างยังดูแปลกประหลาดขนาดนี้ แล้วถ้าอีก 50 ปี อีก 100 ปีข้างหน้า ยุคสงครามเกิดขึ้นแล้วมันไม่มีกฎหมาย ประเทศนี้ โลกนี้จะเป็นยังไง ซึ่งเราไม่ได้เล่าถึงในประเทศไทยนะครับ ขอออกตัวก่อน มันคือพื้นที่สมมุติที่เกิดขึ้น ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะผมเชื่อว่าพอหลังสงครามโลกครั้งที่ 3 มนุษย์นี่แหละที่จะยังคงอยู่รอด เพียงแต่สถานะมันจะแตกต่าง ชนชั้นกลางจะหายไป มันจะเหมือนกับมนุษย์ได้เปลี่ยนตัวเองไปอยู่เป็นห่วงโซ่อาหาร และมีมนุษย์อีกประเภทที่กลายเป็นอาหารสำหรับคนที่รวยกว่า จริง ๆ ยุคนี้ก็เป็นคนรวยกับคนจน มันก็มีพื้นที่ เพียงแต่เราขยายให้มันดูเป็นแฟนตาซีมากขึ้นครับ

Q : ทำไมเลือก “โน้ต” มากำกับหนังเรื่องนี้?

โน้ต จูเนียร์ : ดีดน้ำมันพรายใส่ (หัวเราะ)

โจ : ไม่ขนาดนั้น (หัวเราะ) คือต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวผมก็เพิ่งเปิดค่ายมาใหม่ เราก็อยากได้อะไรที่มันแปลกใหม่ไปจากเดิมมากกว่าครับ เราพอจะรู้กันอยู่ว่าประเทศเรา คนส่วนมากก็เริ่มบ่นกันแล้วว่าทำมาหนังไทย ถึงไม่กระเตื้องไปไหน ทำไมมีแต่หนังผี หนังตลกโลว์คอส ด้วยความที่เราเองก็เรียนจบมาจากต่างประเทศ เราก็รู้สึกว่าการที่หนังไทยส่วนมากเขายังอยู่ที่เดิม จริง ๆ มันก็เป็นโอกาสนะ ที่เราจะมอบอะไรให้กับประเทศเรา ให้มีสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง สมมุติเราใหม่และเริ่มอะไรใหม่ ๆ บางทีค่ายใหญ่ ๆ และค่ายเก่า เขาอาจมีแรงกระตุ้น เห็นเรายังกล้าเลย เขาก็ลองบ้าง เพื่อให้อุตสาหกรรมมันขยายไปในวงกว้าง ผมเชื่อว่าจริง ๆ แล้ว ตลาดคอนเท้นต์ของไทย เรามีศักยภาพที่จะแข่งกับเกาหลีได้เลย แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีใครที่กล้าก้าวไปข้างหน้าก่อน เลยอยากเป็นหนึ่งในนั้น เป็นฟันเฟืองชิ้นนึงที่ช่วยเคลื่อนเศรษฐกิจภาพยนตร์ไทยครับ ส่วนสาเหตุที่เลือกพี่โน๊ตมากำกับเพราะว่าหนึ่งเลย คือถ้าเราหาผู้กำกับที่เก่งอยู่แล้ว ไม่ได้หมายถึงว่าคุณโน๊ตไม่เก่งนะ (ยิ้ม) แต่ว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียง มีผลงาน ผมมองว่าเขาจะยึดติดกับอะไรเดิม ๆ ที่เคยทำให้เขาประสบความสำเร็จ จะไม่กล้าลองอะไรที่มันแปลกประหลาดมาก แต่ว่าพี่โน๊ตเขากล้าสุด ๆ เลยก็ว่าได้ครับ

Q : เรียกว่ามายด์เซ็ทในการทำงานหนังตรงกันด้วย?

โจ : ใช่ครับ

โน้ต จูเนียร์ : มันเหมือนคนนึงกำลังหาความแปลกใหม่ อีกคนก็อยากท้าทายตัวเอง ในสิ่งที่บอกทุกคนเหมือนกันว่าจริง ๆ ผมไม่ได้ถนัดทำหนังตลกเลยนะ ต่อให้ที่ผ่านมาจะเขียนมา ทั้งบท ‘อีส้มสมหวัง’ หรือ ‘หลวงพี่เท่ง’ ก็ตาม มันก็ไม่เคยขาดทุนนะ แต่ไม่เคยถนัดอะไรแบบนี้ มันก็อาจจูนตรงกันพอดี ในจังหวะนี้ครับ

Q : เลือกนักแสดงแต่ละคนมารับบทบาทยังไง?

โจ : จริง ๆ แล้วโจทย์ของผมอย่างแรกเลยของหนังเรื่องนี้ ผมอยากได้นางเอกที่มีความเป็นนางตัวร้ายอยู่ข้างใน ลองจินตนาการนะครับ หลังสงครามโลกครั้งที่ 3 ผู้หญิงที่จะอยู่รอดในสังคมแบบไม่มีกฎหมายนั้นได้ มันต้องไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์นางเอกทั่วไป แบบในละครที่โดนรังแก และมีผู้ชายมาช่วยและตกหลุมรัก ผมมองว่าผู้หญิงที่จะอยู่รอดในสมัยนั้นต้องร้าย ต้องเอาตัวรอด ต้องแข็งแกร่ง ต้องหัดที่มีความคิดแบบสกปรกอยู่ในหัวหน่อย (ยิ้ม) ซึ่งคนแรกที่ภาพเข้ามาในหัวเลย คือพี่ดิว (อริสรา ทองบริสุทธิ์) ครับ เราไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนแบบนั้นนะ แต่ภาพลักษณ์ของเขา ลุคของเขาคือแบบนอกจากเขาจะร้ายได้ถึงแล้ว เราต้องยอมรับว่าความสวยเขาก็ถึงเหมือนกัน เราเลยตั้งเป้าว่านางเอกของเราต้องเป็นพี่ดิว อริสรา และมีคนประกอบ ๆ ซึ่งก็จะเป็นพี่โน้ตเป็นคนเลือกครับ

โน้ต จูเนียร์ : จริง ๆ โจทย์แรกมาจากดิวก่อน บท ‘ไอรีน’ มันถูกเขียนมาจากตัวดิว ผมเป็นคนร่างโครงแรกเอง ก่อนจะส่งให้พี่พิง ลำพระเพลิง มันก็กำหนดไปในนั้นอยู่แล้วว่ามันคือดิว อริสรา เพราะฉะนั้นทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่า ณ ตอนนั้นถ้าดิวไม่รับเล่น ตอนนี้มันจะกลายเป็นยังไงไปแล้ว ตอนเจอดิวผมก็พูดแบบนี้ว่า บทมันเริ่มมาจากดิวนะ แล้วเหมือนอย่างที่โจบอกว่า ในโลกแบบนั้นคนประเภทไหนที่มันจะอยู่รอด ทีนี้พอเราได้ดิวมาแล้ว สิ่งหนึ่งที่มันเกิดแน่ ๆ ก็คือฉากเลิฟซีน ซึ่งฉากเลิฟซีนนี้ เราก็มาคุยกับทางน้องดิวว่ายังไงดี ซึ่งจริง ๆ ผมถูกใจ แซมมี่ เคาวเวลล์ อยู่แล้ว ผมติดตามจากไอจีน้องก่อน เราเคยเห็นน้องแต่ตอนที่อยู่ช่อง 7เหมือนเขาเล่นเป็นนางเอก เป็นคุณหนู แต่ดูในไอจีก็รู้สึกว่าน้องไม่แต่งหน้าก็สวยนะ เพราะไม่ได้ต้องการตัวละครที่แต่งหน้าเลยกับบทนี้ และเป็นตัวละครที่ดูน่าจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในตัว คืออายส์คอนแทคของเขาเป็นคนที่แข็งกร้าว ในความรู้สึกเรา ณ ตอนนั้นและบังเอิญโชคดีตรงที่คู่นี้เขาสนิทกันด้วย ดิวกับแซมมี่เป็นเพื่อนรักกัน เลยทำให้ฉากเลิฟซีนระหว่างผู้หญิงด้วยกัน ที่เป็นเลสเบี้ยน ซึ่งเราเคยคิดว่าอยากทำมันง่าย และเลยลามมาถึงตัวละครอื่น ๆ อย่าง ตัวบอส (ณัชพงศ์พล สุดดี) ที่เล่นเป็น ‘สิบทิศ’ ก็เป็นเพื่อนในแก๊ง อย่างบทบอสเอง ก็เฟ้นหา และภรรยาของผมก็เสนอขึ้นมาว่าบอสมั้ย อยากได้ตัวที่ดูแข็งแกร่งหน่อย แต่ไม่เถื่อนดิบ เพราะบอสจะดูมีกล้าม เล่นฟิตเนส เป็นผู้ชายแข็งแกร่ง แต่หน้าตา ลักษณะเขาดูเป็นเด็กกวนประสาท มันก็ค่อย ๆ ผูกตัวละครขึ้นมาเรื่อย ๆ

มีแข (รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น) อีกคนที่เป็นตัวละครที่ถูกระบุมาตั้งแต่แรกเหมือนกัน อย่างบท ‘แฮปปี้’ ต้องรัศมีแขเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเพศที่ 3 ขออนุญาตใช้คำว่ากระเทย มันเข้าใจง่าย กระเทยจะอยู่รอดในทุกโลก ต่อให้เกิดอะไรขึ้นกระเทยก็ยังจะอยู่รอด เพราะกระเทยเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ปรับตัวเข้ากับทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้เก่งมาก และผมเชื่อว่าผมน่าจะตายไว แต่แขน่าจะยังอยู่รอด มันเลยมีบทของแขขึ้นมา เป็นสัญลักษณ์ของเพศที่ 3 ว่าเขาจะอยู่รอดได้ในสังคมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือตูมตาม (ยุทธนา เปื้องกลาง) ตอนเลือกตูมตาม คาแรกเตอร์ของ ‘พายุ’ ต้นแบบคล้ายกับพี่เหลียงเฉาเหว่ย จาก ‘สองคนสองคม (Infernal affairs)’ และผมรู้สึกว่ามันต้องเป็นตำรวจไม่ดี หน้าตาต้องดูเป็นร้าย ทีนี้ก็เลยรู้สึกว่าน้องเขาเป็นคนที่น่าจะสูบบุหรี่แล้วเท่ และบวกกับหน้าตาของเขาที่ไว้หนวดไว้เครา หน้าตาของเขาดูร้าย วิธีการเล่นของเขาถึง และเขาไม่เคยรับบทบาทอะไรที่ดูท้าทายขนาดนี้ มันเลยได้นั่งคุยกับน้องแล้วถูกใจกันมาก และน้องเองก็กลับมาติดบุหรี่อยู่พักนึง เพราะว่าดูดบุหรี่ทั้งเรื่องเลย ก็รู้สึกผิดแต่ว่าตอนนี้น้องเลิกได้แล้ว ก็ดีใจกับน้องด้วย (ยิ้ม) ส่วน น้ำหวาน (รักษ์ณภัค วงศ์ธนทัศน์) จริง ๆ แล้วเราเฟ้นหาอยู่นานนะ เพราะเราอยากได้ผู้หญิงหน้าไทย ๆ ด้วยความที่เราได้ดิวมาแล้ว ซึ่งเป็นพิมพ์นิยมของผู้ชายไทย ตัวเล็ก สเป็คของผู้ชาย ส่วนแซมมี่เขาจะออกแนวลูกครึ่ง เลยอยากได้หน้าที่ดูไทย ๆ หน่อย เพื่อมาแทนสัญลักษณ์ของ 3 สัญชาติที่อยู่ในชุมชนนี้ และน้ำหวานก็มาแคสบท ‘รัน’ นี้ คือเขาดูผอมนะ เป็นนางแบบ แต่เขากลับให้ความแข็งแกร่งถึงการสู้ชีวิตแบบประหลาด ๆ สำหรับผมคนผ่านเวทีเดอะ เฟซฯ เหมือนเขาต้องสู้บางอย่าง เขาจะมีความเป็นนักสู้ในตัว

ด้านนิว (ชัยพล พูพาร์ท) เป็นตัวละครที่เลือกเข้ามาหลังสุดเลย ด้วยความที่เราอยากได้ตัวละครสักตัวที่ดูแข็งแกร่งต่อแหน้าคนอื่น และดูอ่อนโยนต่อ ‘ไอรีน’ แล้วคุยกับทางโปรดิวเซอร์ ซึ่งเขาได้เสนอนิวขึ้นมา เพราะดูเป็นผู้ชายหน้าหวาน ผมเลยเติมแผลเป็นที่หน้า ให้มันเหี้ยม ๆ หน่อย และเขาต้องเข้าคิวบู๊ด้วย และทำสีผิวให้เข้มขึ้นหน่อย ให้ดูเหมือนคนผ่านอะไรมาเยอะ โดยที่เขาต้องเป็นองครักษ์ของ ‘ไอรีน’ ครับ อย่างพี่เดวิด อัศวนนท์ ผมเลือกเคาะแรก ๆ เลยครับ ในบทชื่อ ‘หัวหน้าหม่า’ มันคือมาเฟียเยาวราช ตีความว่าเป็นมาเฟียของไชน่าทาวน์ทุกเมืองบนโลกใบนี้ และผมก็เกิดคำถามว่าทำไมต้องจีน ถ้าเถ้าแก่หม่าเป็นลูกครึ่งได้มั้ย ความเหี้ยมโหด การจัดระเบียบสังคม พี่เดวิดเขาผ่านกับบทอะไรแบบนี้ เป็นนักแสดงที่มีความสามารถมาก เลยเลือกไม่ยากเท่าไหร่ และโชคดีตรงที่นักแสดงทุกคน พอคุยปุ้บก็รับเลย ไม่ได้ติดขัดอะไร กับวิลลี่ แมคอินทอช ยิ่งสบายใหญ่เลย ผมจำได้ว่านัดเจอพี่วิลลี่ เขาเจอหน้าผมปุ๊บเขาบอกว่า ‘กูเล่น’ เราก็บอกว่า ‘เดี๋ยวพี่ ฟังก่อน’ แต่เขาก็บอกว่า ‘ไม่ กูเล่นเลย อะไรก็ได้ กูเล่น’ ผมรู้สึกว่าพี่วิลลี่เป็นผู้ชายหล่อที่สำอางค์ บท ‘กวินท์’ เป็นบทที่เขาเรียกว่าไบโอเซ็กชวล คือมันไม่ใช่แค่ 2 อย่าง มันได้ทุกอย่าง ทั้งกับเกย์ด้วย ได้ทุกเพศของจริง และเราปรับลุคพี่วิลลี่ จากพระเอก พ่อ หรือตัวร้าย ให้เป็นตัวร้ายในแบบที่ดูมีความเป็นผู้หญิงผสมอยู่เล็ก ๆ มีความวิกลจริตอยู่เบา ๆ มันมีความน่าสนใจและพี่วิลลี่ก็โอเครับเล่น จริง ๆ ผมไล่หาผู้ใหญ่ที่ดูแล้วสามารถปรับลุคได้ ซึ่งพี่วิลลี่ไม่ติดอะไรเลย สามารถทำอะไรกับเขาได้หมดเลย เลยโอเคครับ

Q : กว่าจะมาเป็น “ดาร์ค เวิลด์” ได้ข่าวว่าทั้งคู่ถกกันเรื่องบทเยอะมาก เล่าถึงกระบวนการพล็อตเรื่อง รวมทั้งการทำบทตรงนี้ให้ฟังหน่อย?

โน้ต จูเนียร์ : จริง ๆ เรื่องบทมันมีความงี่เง่าอยู่ในตอนแรกนะ (ยิ้ม) ผมอยากได้สถานที่มันไม่ใช่เมืองไทย เลยขอตังคุณโจบินไปเวียดนาม ไปดูทะเลทรายและรู้สึกว่าแค่นี้เองเหรอ ไม่เวิร์ค แล้วกลับมาบอกโจว่าไม่ทำแล้วได้มั้ยที่เวียดนาม เราขอเป็นเมืองไทยเหมือนเดิมได้มั้ย เดี๋ยวเราทำอย่างอื่นให้

โจ : แล้วเขาก็เบิกงบไปตั้งกี่แสนนะ (ยิ้ม)

โน้ต จูเนียร์ : จริง ๆ เบิกงบไปเที่ยว (หัวเราะ) ไปหาแรงบันดาลใจ แต่พอไปถึงปุ๊บมันก็ผุดไอเดีย โปรเจ็คนี้มันเป็นความโชคร้ายของเรานิดนึงเหมือนกันกับเรื่องของเกม ที่ตอนนี้มันมี ‘สควิดเกม’ และ ‘อลิซ’ มาก่อนหน้านี้ แต่ต้องบอกว่าโปรเจ็คบทนี้เราเริ่มกันตอนต้นปี 62 มีหลักฐานยืนยันครบและเปิดกล้องแถว ๆ เดือน ก.ย. หรือ ต.ค. ของปี 62 เราปิดกล้องตอนสิ้นปี 62 เดือน ธ.ค. แต่อย่างที่บอก ผมมีไอเดียมาตั้งแต่ตอน ‘13 เกมสยอง’ แต่มันไม่เคยได้ถูกเอามาใช้ กับการอยากใส่เกมลงในชีวิตมนุษย์ เพราะผมรู้สึกว่าชีวิตมันคือการเล่นเกม เพียงแต่เราเป็นพระเอกของเกมนั้นของเรา คนอื่นคือตัวประกอบในชีวิตเรา เหมือนเรานั่งเล่นเกม ๆ นึงแล้วตัวเราเป็นฮีโร่ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคไปเรื่อย ๆ ในส่วนบทมันถูกโต้เถียงมาตรงที่ว่า คือตอนแรกมีเรฟเฟอเร้นซ์มาจากหนังเรื่องนึง ซึ่งผมดูแล้วก็คิดว่าเอาจริงเหรออยู่เหมือนกัน ผมเลยขอลองเปลี่ยนไอเดีย ก็นั่งเล่าให้โจฟัง โจก็โอเค ก็มีการเคี่ยวกรำมาระดับนึง จนผมเสร็จออกมาเป็นโครงทรีตเม้นต์ และส่งให้พี่พิงต่อ มันก็ถูกตีความ บทถูกแก้เยอะมาก เพราะว่าเกมที่เราเลือกเล่น ด้วยความที่เลือกเล่นกับวัฒนธรรม ที่เห็นในเทลเลอร์ ก็จะมีเก้าอี้ดนตรี มอญซ่อนผ้า ตี่จับ จริง ๆ อยากเล่นมากกว่านั้น แต่เวลาในหนังไม่พอ ก็เลยเล่าได้แค่นี้ (ยิ้ม) แล้วมันก็มีการเคลียร์เรื่องเกมกันพอสมควร ขั้นตอนบทไม่ได้นานขนาดนั้น ตอนแรกถกไอเดียกัน โจบอกสิ่งที่โจอยากได้ ก็คือนางเอกบิชชี่ (Bitchy) ที่แข็งแกร่งอยู่บนโลกใบนึง มีความดาร์กอยู่ในนั้น ผมเลยปรุงแต่งขึ้นมา ให้เป็นในสิ่งที่เขาต้องการ แต่ระยะเวลาในการแต่งบทของผมอยู่ในเวลา 2 เดือน ไม่นับที่ไปเวียดนามนะ ถือว่าไปเที่ยวประมาณ อาทิตย์นึงครับ (ยิ้ม) ก็ต่อที่พี่พิงอีก 3 เดือน มันเลยมาใกล้เปิดกล้องในเดือน ก.ค. เตรียมหานักแสดงและเปิดกล้องในปี 62 ครับ

Q : จริง ๆ เรื่องนี้มีกลิ่นอายที่คล้ายกับ “สควิดเกมส์” ที่กำลังโด่งดังมาก ทั้งการใช้เกมพื้นบ้าน มาให้นักแสดงเล่นเอาตัวรอดเหมือนกัน กลัวคนนำ “ดาร์ค เวิลด์” ไปเปรียบเทียบในแง่ความสำเร็จมั้ย?

โน้ต จูเนียร์ : เรื่องเปรียบเทียบมันเปรียบแน่ครับ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าเอาจริง ๆ ผมไม่อยากให้คนไทยดูถูกโปรดักชั่นไทยด้วยกัน ถ้าให้เงินเท่ากัน ระยะเวลาทำงานที่ใกล้เคียงกัน ผมไม่ได้หมายถึงตัวผม แต่รวมถึงผู้กำกับไทยคนอื่นๆ ที่เก่งกว่าผมมาก ผมว่าทำได้ และอยากให้คนดูทุกคนเข้าใจก่อนว่างานซีจี หรือทีมงานหนังฝรั่งที่ทุกคนดูกัน เป็นทีมงานคนไทยเยอะมากนะครับ ที่ถ่ายในไทย หรือเอาทีมไทยไปถ่าย อาจเป็นเซคั่นยูนิต หรืออะไรก็แล้วแต่ รวมถึงงานซีจีที่เห็นจริง ๆ แล้ว เขามีระยะเวลาหล่อเลี้ยง งบซีจีเขามากกว่าหนังของเราเรื่องนี้อีกครับ ระยะเวลาในการทำซีจีสองปี แต่ของเรามันต้องจบภายใน 3-4 เดือน ด้วยงบที่มาหล่อเลี้ยง อย่างทุกวันนี้ทีมงานของผมมีทำในเน็ตฟลิกซ์ โปรดักชั่นที่ทำดาร์คเวิร์ล ก็ถ่ายหนังฝรั่งมากมาย ที่ทั้งถ่ายในเมืองไทยและถ่ายที่เมืองนอก เอาจริง ๆ โปรดักชั่นไทย ไม่ได้แพ้ชาติไหนเลย เพียงแต่ข้อจำกัดเรื่องเงินทุนเป็นสิ่งสำคัญ โอเคในโปรเจ็คนี้ผมโชคดี โจให้เงินมากว่า 30 กว่าล้านบาท ถือว่าสูงมากในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ครับ แต่ถ้าในทางกลับกันสมมุติโปรเจ็คนี้ไปอยู่ในมือของต่างชาติ เม็ดเงินลงทุนจะไม่ใช่แบบนี้ มันจะเป็นหลักร้อย งานมันก็จะขยายสเกลบางอย่าง อุปกรณ์ ทีมงาน ระยะเวลาในการถ่ายทำ มันเพิ่มมากขึ้นตามเงินหล่อเลี้ยง ซึ่งมันเป็นข้อจำกัดที่ทีมเรามันขาดการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างแรกเลย มันขาดทุนสุด ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนเคยแก้ไขปัญหานี้ได้ ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยมีกับการพยายามทำให้ของไทย กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเหมือนเกาหลี ถ้าไปเกาหลีจริง ๆ สมัยที่เพิ่งบูมใหม่ ๆ ไปลองดูเกาะเซจู เกาะนามิ มันก็เป็นที่เขาถ่ายซีรี่ส์ ซึ่งไม่มีอะไรให้เที่ยวเลย แต่เขาฉลาดที่จะทำ แต่บ้านเราแค่คิดน้อย เลยทำให้มันยังไม่เคยถูกผลักดันอย่างจริงจัง และสุดท้ายสิ่งที่เราได้จากงบรัฐบาลมา มันเป็นอะไรที่คนดูบ้านเราในยุคนี้ไม่ยอมรับ เป็นอะไรที่ต้องทำบางอย่างกับงบที่ได้มาเผื่อโปรโมต มันเลยไม่เคยตอบโจทย์อะไรแบบนี้ได้สักที จริง ๆ ถ้าเปิดการสนับสนุน เราไปได้ไกลกว่านี้ เพราะทีมงานไทยทุกคนที่ผมรู้จัก หรือพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ทำงานอยู่มีคุณภาพนะ มาก ๆ ด้วย

Q : งบน้อยแต่เซ็นเซอร์เยอะ?

โน้ต จูเนียร์ : ใช่ครับ นี่ออกไปยังกลัวเลยว่าจะโดนอะไรรึเปล่านะ (ยิ้ม)

Q : อย่าง “สควิดเกมส์” ผลักดันในเรื่องของซอฟท์ พาวเวอร์ (Soft Power) ไปในระดับโลก แล้วส่วนตัวมีความคาดหวังว่าหนังเรือง “ดาร์ค เวิลด์” นี้ จะมีผลงในแง่ซอฟท์ พาวเวอร์ ต่อสังคมไว้ยังไงบ้าง?

โน้ต จูเนียร์ : จริง ๆ แล้วสิ่งที่มันพยายามบอกอยู่ในหนัง ทุกอย่างถ้าไม่รักษาไว้ มันจะถูกทำลาย จากวัฒนธรรมที่เราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ โอเคเด็กยุคหลัง ๆ อาจไม่ทันเกมอื่น แต่ผมว่าวัยรุ่นน่าจะทันและเข้าใจเก้าอี้ดนตรี ณ วันนึงมันจะกลายเป็นเกมฆ่าคน ถ้าเราไม่รักษามันไว้ เหมือนอะไรก็แล้วบนโลกใบนี้ ถ้าเราไม่รักษาไว้ มันจะถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ ศาสนาถ้าเราไม่ดูแลให้ดี สุดท้ายมันก็จะมีพระเณรที่กินหมูกระทะ โผล่มาเรื่อย ๆ เหมือนกันครับ วัฒนธรรมมันถูกหลงลืมไป เราไม่ได้ปิดนะ ผมเองก็เป็นคนนึงที่ฟังเพลงฝรั่ง ฟังเพลงเกาหลี เป็นแฟนคลับลิซ่า แบล็กก์พิ้ง เพราะฉะนั้นมันไม่แปลกหรอกครับ ที่เราจะซึมซับวัฒนธรรมต่างชาติ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เป็นของชาติเราเอง หรือแม้แต่กิจกรรมอะไรก็ตาม มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามกาลเวลา เหมือนภาษา ซึ่งเป็นส่งที่เห็นชัดสุดเลย ผมเองก็ติด โจเองก็ติด กับการพูดไทยคำอังกฤษคำ หรือศัพท์แสลงทั้งหลายแหล่ที่ถูกใช้ มันเปลี่ยนไปตามโลก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังจะบอกมันเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายมันจะมีผลกระทบอะไรกลับมา ให้มันได้พัฒนาอะไรมั้ย ผมว่าเอาจริง ๆ มันคาดหวังแทบจะยากอยู่แล้วกับวัฒนธรรมพื้นบ้าน กับเกมที่เราเล่น เก้าอีดนตรี โจยังไม่รู้จักมอญซ่อนผ้าเลย เถียงกันอยู่เรื่องบท กว่าจะผ่าน (ยิ้ม) ซึ่งมอญซ่อนผ้า มันไม่ใช่ไทยจ๋าหรอก แต่ผมเล่นตอนเด็ก คนอายุ 40 มันจะเก็ท มันมีงูกินหาง รีรีข้าวสาร ที่เราอยากใส่ ถ้ามีภาค 2 ก็อยากใส่ (หัวเราะ) แต่สุดท้ายผมไม่รู้ว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะว่ายังไง กระทรวงวัฒนธรรมอาจแอนตี้ผม ที่เอาวัฒนธรรมไทยมาฆ่ากันครับ

โจ : เอาวัฒนธรรมไทยมาฆ่ากันทำไม แบบนั้นครับ

Q : แปลว่าเตรียมใจรับตรงจุดนี้เอาไว้แล้ว?

โน้ต จูเนียร์ : “เตรียมใจแล้ว แต่จริง ๆ สิ่งที่ผมกำลังจะบอก ถ้าผมจะดีเบท ผมก็จะบอกว่าถ้าไม่ดูแลรักษา อนาคตข้างหน้ามันจะกลายเป็นแบบนั้นครับ จริง ๆ ซัสเพคท์ (Suspect) แฝงไว้ตั้งแต่ในโปสเตอร์แล้วครับ ซึ่งโปสเตอร์ใบแรก ๆ มันเป็นนักแสดงเดี่ยว ด้านหลังคือซากประรักหักพัง เป็น หัวลำโพง ตึกสาธร และรถไฟฟ้าพัง ผมต้องการจะสื่อว่าสุดท้ายแล้ว มันไม่มีอะไรยั่งยืน วัสดุก่อสร้างที่ยืนยาวสุดท้ายก็จะพังทลายลง แต่มนุษย์ไม่เคยพังทลาย สุดท้ายมนุษย์จะยังคงอยู่ นี่คือความเชื่อของผม เพราะฉะนั้นมนุษย์เองนี่แหละครับ ที่จะทำให้โลกใบนี้ดีหรือเลวร้าย มันก็อยู่ที่ตัวเรา ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่บอกในหนังด้วยครับ

Q : ในเรื่องจะเห็นฉากความรุนแรงเยอะมากมั้ย?

โน้ต จูเนียร์ : อู๊ย! สุด ๆ (หัวเราะ) มีทั้งความรุนแรงและเรื่องของเซ็กส์ ที่ผมใส่เรื่องเซ็กส์เข้าไป ที่บอกมีฉากเลสเบี้ยน หรือแม้แต่ฉากเลิฟซีนอื่น ๆ แต่มันก็ไม่รุนแรงขนาด ‘จันดารา’ มันก็มีความเป็นศิลปะผสมอยู่ เพียงแต่เรากำลังเล่าถึงว่าโลกยุคนี้ ความรักมันไม่ใช่เรื่องแค่ชายกับหญิง มันมีเรื่องของเพศมากมาย ที่ควรเปิดกว้างได้แล้ว ผมเป็นผู้ชายแท้ ๆ ที่มีลูก มีภรรยา ผมโคตรแฮปปี้เลยนะถ้าลูกสาวไม่ชอบผู้ชาย หรือจะคบผู้ชายก็แล้วแต่เขา หรือน้องสาวของผม ผมก็รู้สึกเฉยมากกับการที่น้องสาวของผมคบผู้หญิงด้วยกัน ผมรู้สึกว่าโลกยุคนี้เป็นยุคที่ความไม่มีขอบเขต มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย หรือน่าปิดบังเหมือนในสมัยโบราณอีกแล้ว แต่ก็โอเค มันก็ปากว่าตาขยิบกันอยู่แล้วกับสิ่งที่มันเป็น แต่สุดท้ายแล้วผมเลยรู้สึกอยากใส่บางอย่างลงไปในหนัง ผมเป็นชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และผมก็รู้สึกว่าความรักสวยงามเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนก็แล้วแต่ มันก็ถูกใส่ลงไปในนี้เหมือนกัน อะไรก็แล้วแต่มันอยู่ที่มุมมอง ถ้ากระทรวงวัฒนธรรมจะมองว่าหนังเรื่องนี้มันรุนแรง มันสนับสนุนให้คนรักเพศเดียวกัน หรือสนับสนุนให้คนฆ่ากันเหมือน ‘สควิดเกม’ ผมว่าก็แล้วแต่ (ยิ้ม) จริง ๆ เราพยายามเล่าถึงการเอาชีวิตรอดด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บทสรุปของดาร์คเวิล์ด เราบอกว่าผู้ที่อยู่คนสุดท้ายคือคนที่แข็งแกร่ง จริง ๆ โลกนี้ก็เป็นเศรษฐีถือว่าแข็งแกร่งทางฐานะการเงิน เขาถึงไม่ล้มตอนที่เกิดวิกฤติโควิด อย่างพวกประชาชนปกติ เขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาเลยล้มตอนโควิด เขาไม่ได้ผิดเลยนะ แต่เขาแพ้โควิด เหมือนกันครับในดาร์คเวิลด์ เรากำลังพูดว่าคนที่อยู่รอดคือคนที่เก่งต่อให้คนนั้นจะเลวก็ตาม

Q : เหมือนนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคม มาถ่ายทอดเป็นรูปธรรมในมุมแฟนตาซี ให้มีความสนุกมากขึ้น แต่คนยังเข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อ?

โน้ต จูเนียร์ : ใช่ครับ ถ้าคนพยายามจะเข้าใจนะครับ จริง ๆ ผมแฝงไว้ยันชื่อเลยด้วยซ้ำว่าแต่ละคน ชื่อมีความหมายว่ายังไง และตัวละครนั้นแสดงปฏิกิริยายังไงในแต่ละชื่อที่สวมบทอยู่ เช่น ‘ไอรีน’ แปลว่าความสงบสุข แต่ตัวละครนี้ทำให้โลกวุ่นวาย มันคือความย้อนแย้ง ‘กวินท์’ แปลว่า ดีงาม แต่ในตัวบทตัวละครนี้เป็นหัวหน้าแก๊งที่ครองเมืองนี้ ตัวนางเอก อย่าง ‘เฟียร์’ แปลว่า กลัว ซึ่งตัวละครนี้มีแผลในวัยเด็กที่ถูกทำร้ายมา ทำให้เฟียร์เป็นตัวละครที่มีความกลัวอยู่ในใจ และผลักดันความกลัวนั้นให้กลายเป็นความกล้าหาญ ตัว ‘รัน’ ในวัยเด็กวิ่งหนีปัญหา และสุดท้ายวันนึงรันตัดสินใจวิ่งเข้าใส่ปัญหา ทุกตัวละครจะมีกิมมิคแฝงอยู่

ส่วน ‘แฮปปี้’ ซึ่งมาบวกกับ ‘รัน’ ที่เป็นคู่หูกัน มันก็กลายเป็นการที่รันวิ่งหาความสุข ที่ได้จากตัวแฮปปี้ ส่วน ‘สิบทิศ’ คู่ของ ‘เฟียร์’ ผมเอามาจากผู้ชนะสิบทิศ และผมรู้สึกว่าคนขี้กลัวอย่างเฟียร์ การเข้าไปหาใครสักคนนึง มันคือคนที่รบได้ทั้งสิบทิศ เพื่อปกป้องเขา เพื่อเป็นทุกอย่างให้เขา ส่วน ‘ลีโอ’ ที่คู่กับ ‘ไอรีน’ ตัวละครลีโอเป็นตัวที่รักมั่นในผู้หญิง ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ดี ไอรีนคือผู้หญิงของผู้ชายมากมาย ในเรื่องเล่าอยู่แล้วว่าตัวละครนี้ได้กับผู้ชายทุกคน ยกเว้น ‘ลีโอ’ ตอนแรกผมอย่างได้ ‘วูฟ’ เพราะหมาป่าเป็นสิ่งมีชีวิตผัวเดียวเมียเดียวจนวันตาย แต่ก็แผลงมาเป็นลีโอ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นครับ ใช้วูฟมันดูแปลก ๆ ซึ่งจริง ๆ สิงโตก็เจ้าชู้ มีเมียเยอะ แต่ก็นั่นแหละ มองข้ามมันไป (ยิ้ม) ‘หม่า’ แปลว่า ไม่เป็นระเบียบ มูมมาม แต่ตัวละครนี้เป็นผู้จัดระเบียดสังคมครับ มันแฝงไว้หมดเลย และผมวางฮิดเด้นพวกนี้ไว้เต็มในหนัง แต่ไม่รู้ว่ามันจะประสบความสำเร็จมั้ย คนจะเข้าใจมั้ยครับ

Q : ความท้าทายของโปรเจ็คนี้คืออะไร?

โจ : ของผมคือการที่เราลงทุนสูงในหนังที่มันไม่มีการการันตี หรือประวัติบอกเลยว่าหนังแนวนี้มันทำเงินได้รึเปล่า เพราะมันไม่เคยมีหนังแนวนี้เลย มันคืออะไรที่เหมือนเราเดิมพันมันไปเลยกับเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นก็เสี่ยง แต่ผมมองว่ามันควรมีอะไรใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมได้แล้ว ไม่ใช่หนังผี หนังตลก อย่างเดียว ถือว่าเป็นอะไรที่ต้องเดิมพันกับอีกหลาย ๆ อย่าง ก็กังวลแต่เรารู้อยู่แล้ว เราเลือกเดินทางนี้ เพราะฉะนั้นไม่มีการเสียใจในอนาคตแน่นอนครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

โน้ต จูเนียร์ : ในมุมคนทำหนัง อย่างที่บอกเราทำหนังตลกมาตลอด มันท้าทายตรงที่ถ้าทำหนังแบบนี้จะเป็นยังไง ในสิ่งที่เราคิดว่ามันคือทางเดินชีวิตของเรา ผมออกมาจากเซฟโซนตัวเอง จากการเป็นลูกชายตลก ทำหนังตลก มาสู่พื้นที่ที่ไม่ใช่เซฟโซนอีกแล้ว มันคือความท้าทายแน่ ๆ ส่วนตัวตั้งแต่หนังยังไม่ได้ฉาย พอมันไปที่เกาหลีใต้ เข้ารอบไปชิงในเทศกาลหนังเมืองปูชอน ผมถือว่าพิสูจน์ตัวเองแล้วนะ เพราะว่าโปรเจ็คต์นี้ มันไม่ได้ถูกทำมาเพื่อไปประกวด มันไม่ได้พิถีพิถันที่จะเอาไปประกวดขนาดนั้น แต่เมื่อต่างชาติเล็งเห็น สำหรับผมถือว่าหลุดเปลาะแรกไปแล้วว่าผมทำได้ เพราะก่อนหน้านี้ผมเคยได้รางวัลสุพรรณหงส์ จากการทำหนังสั้นสมัยเรียน มันก็เป็นแนวดราม่า ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าการทำแบบนี้ มันไม่ได้รับการยอมรับ แต่มันคือสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าคนดูแล้วชอบ มันก็เป็นอะไรที่แฮปปี้ ผมคาดหวังให้คนดูชอบ ส่วนเรื่องรายได้มันจะคงตามมาแหละ ผมจะได้ทำภาคอื่นต่อ (หัวเราะ) ก็ท้าทายที่สุด มันคือการเปลี่ยนแนวครั้งแรกที่ออกมาจากเซฟโซนครับ

Q : เป็นหนังอีกเรื่องที่เข้าช่วงเปิดโรงใหม่ ๆ หลังโควิด 19 ซึ่งหลายคนยังอาจไม่กล้าไปโรงหนัง มีกังวลเรื่องนี้กันบ้างมั้ย ว่ามันอาจส่งผลต่อหนัง หรือเรื่องของรายได้?

โจ : กังวลสิครับ ลงทุนไปตั้งเยอะ (หัวเราะ) แต่มันก็มองได้สองแง่ในตอนนี้ โรงหนังเราเพิ่งเปิด ต่างชาติเขาเปิดนานแล้ว ดังนั้นหนังบล็อกบัสเตอร์ของฮอลลีวู้ด ส่วนมากเขาจะฉายไปแล้ว หรือไม่ก็ลงสตรีมมิ่งไปแล้ว พอมีการไปลงสตรีมมิ่งไปแล้ว มันก็อาจมีออกเถื่อนไปแล้ว คนก็ดูไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมมองว่าหนังฮอลลีวู้ดที่เข้ามามันไม่แข็งแกร่งเหมือนช่วงก่อน ๆ ที่ปล่อยฉายในโรงหนังพร้อมกันทั่วโลก ผมว่ามันก็เป็นช่วงเวลาที่ดีที่หนังไทยจะลง ในเมื่อตอนนี้เราไม่มีระดับนั้นมาแข่งเยอะเท่าเมื่อก่อน ผมมองว่าเป็นช่วงเวลาที่หนังไทย ๆ ควรจะเข้านะ

โน้ต จูเนียร์ : ถือว่าเราคาดหวัง แต่เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทะลุไปไกลไหนต่อไหนหรอก จริง ๆ แล้วเราก็แอบลุ้นให้หัวหอกทั้งหลายแหล่ของเรา ที่เข้าก่อนเราประสบความสำเร็จนะ ผมเป็นคนดูหนังไทยทุกเรื่อง แล้วผมอยากให้หนังไทยทุกเรื่องประสบความสำเร็จ มันน่าเสียดายตรงที่หัวหอกใหญ่สุดของเรา อย่าง ‘ร่างทรง’ ดูเถื่อนไปหมดแล้วและสปอยล์เต็มไปหมด ผมโดนสปอยล์เต็มแม๊กซ์ ทั้งที่ตั้งใจจะเข้าไปดูในโรงหนัง มันเป็นความแย่ที่ตัดทอนกันเอง มันเป็นวงจรที่เป็นวงกลม เมื่อคนดูเถื่อนปุ๊บ นายทุนก็จะขาดทุน และไม่มีเงินมาลงทุน และหนังประเภท 20-30 ล้าน มันก็จะไม่เกิดขึ้น ก็จะถูกหนังทุนต่ำลงไปเรื่อย ๆ เพราะนายทุนเงินหมดเรื่อย ๆ เพราะทุกคนไปดูเถื่อนกันแล้ว มันก็วงจรนรกแบบนึงเนอะ ต่างจากนหนังต่างชาติ ต่อให้เขาโดนเถื่อนยังไง เขาก็ยังฉายทั่วโลก ตลาดเขากว้างกว่าเรา แต่หนังไทยฉายในไทย

ตอนแรกคาดหวังมาก พอเห็นร่างทรงลงปลายเดือน ต.ค. ผมคาดหวังเลยนะ เขาคือหัวหอกหลัก เขาคือพี่ใหญ่ ที่กล้าทำได้ และผมคิดว่าหนังของพี่โต้ง (บรรจง ปิสัญธนะกูล) จริง ๆ ควรทำได้ด้วย ปลุกกระแสคนไทยให้กลับมาดูหนังไทยได้ ถ้าไม่มีเถื่อน ผมพูดในฐานะที่เขาเป็นไอดอลของผมคนนึง เขาซวยแหละ จังหวะนรก โดนคนคนดู ดูกันไปแล้ว ก็พูดยากในมุมนี้เหมือนกัน เห็นใจพี่โต้งมาก กลายเป็นความคาดหวังมันน้อยลง เพราะเราไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วคนพร้อมจะรับหนังไทยและหนังในโรงมากแค่ไหนครับ ซึ่งถ้าเทียบหนังไทยที่เข้าโรงช่วงนี้ เราอยู่เป็นเรื่องที่ 4 เลยไม่รู้ว่า 3 เรื่องก่อนหน้านี้เป็นหัวหอกให้เราได้มากน้อยแค่ไหน เราก็อยากให้คนดูหนังไทยแหละ แต่ก็ถ้าพูดในมุมผม ก็ไม่อยากไม่หนังขาดทุนแน่ ๆ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นการพิสูจน์ตัวเองของผมด้วยว่า ผมไม่เคยทำหนังตลกขาดทุน แต่ถ้าทำแนวนี้แล้วผมก็ไม่ขาดทุน ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จในอาชีพตัวเองเหมือนกัน

Q : คิดว่าคนจะรีเลทกับสิ่งที่ส่งไปในหนังใช่มั้ย เพราะเห็นเรื่องราวของยุคดิสโทเปีย?

โน้ต จูเนียร์ : จริง ๆ ปล่อยเทลเลอร์ออกไป กระแสตอบรับดีนะครับ คนก็รู้สึกว่ามันแปลกดี ยุคนี้มันมีข้อดีอยู่อย่างตรงที่ก่อนมีสตรีมมิ่ง คนไทยจะดูหนังในสิ่งที่เราถูกยัดมา แต่พอมีสตรีมมิ่ง เราเจอความหลากหลายของเน็ตฟลิกซ์ ของเอชบีโอ ที่มันเป็นช่องพวกนี้ เขาเลยเปิดใจรับง่าย กับอะไรที่มันดูแปลกประหลาด เพียงแต่เขายอมรับคนไทยมั้ย นั่นก็อีกเรื่องนึง ต้องวัดกันที่ตรงนี้

Q : มีข้อคิดหรือเมสเสจอะไร ที่อยากให้คนที่ดูหนังเรา แล้วได้กลับออกไปมากที่สุดบ้างมั้ย?

โน้ต จูเนียร์ : สุดท้ายโลกใบนี้อยู่ด้วยคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น คนอ่อนแอต้องแพ้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องทำ ผมบอกลูกศิษย์ผมทุกคน บอกน้อง ๆ ที่ทำงานทุกคนว่า ‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มึงต้องก้าวข้ามกูให้ได้ เพราะกูอยู่รอดได้บนโลกนี้อยู่ ถ้ามึงผ่านกูได้ มึงก็แข็งแกร่ง และจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้’ เช่นเดียวกันถ้าทุกคนแข็งแกร่งต่อให้โควิดมาอีกมากกว่านี้ ทุกคนก็จะอยู่รอดได้ ในมุมที่โอเค เราไม่เคยรู้มาก่อน บางคนมีอาชีพเดียว เช่น เพื่อน ๆ ที่เป็นนักดนตรี แล้วพอผับปิด ทุกอย่างพัง ไม่มีงาน มันอาจต้องมีงาน 2 งาน 3 กับชีวิตให้มันแข็งแกร่ง ให้มันอยู่รอดได้ในสังคม หรือแม้กระทั่งการมีเงินเก็บเยอะ ก็ถือเป็นความแข็งแกร่งอย่างหนึ่ง แล้วแต่จะตีความคำว่าความแข็งแกร่งว่าเป็นแบบไหน บางคนคือหยุดงานไป 2-3 เดือน แต่อยู่รอดได้ด้วยการดึงเงินเก็บมาใช้ ก็คือความแข็งแกร่งอย่างหนึ่ง อันนี้เป็นสิ่งที่ดาร์คเวิลด์บอกแน่นอนนครับว่า โลกใบนี้เป็นโลกของมนุษย์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น

Q : ท้ายสุดคิดว่าทำไมคนไทย ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้?

โจ : ก็แค่ไปดูพี่ดิวจูบกับพี่แซมมี่ก็น่าจะคุ้มแล้วครับ (ยิ้ม) อย่างอื่นก็เป็นเรื่องรองแล้วกัน

โน้ต จูเนียร์ : ผมอยากให้เปิดใจครับ ลองดูว่าโอเคถ้าทุกคนสนับสนุนกัน ‘ดาร์คเวิลด์’ ขอเป็นก้าวแรก ขออนุญาตผู้กำกับทุกคน เราขอเป็นหัวหอกกับหนังแนวนี้ ที่จะทำให้ผู้กำกับทุกคนในประเทศไทยได้มีโอกาสที่จะทำในแบบที่ตัวเองอยากทำ โดยไม่ถูกจำกัดอยู่ในลูปเดิม ๆ ผมว่าเราควรออกจากเซฟโซน และเราจะทำไม่ได้ครับถ้าเราไม่ได้รับการสนับสนุน ผู้กำกับทุกคนในประเทศไทยถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากแฟน ๆ ทุกคน มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่หนังไทยจะพัฒนาไปให้ทันเกาหลีครับ

ไปพิสูจน์วิถีการเอาตัวรอด เจาะลึกความเป็นมนุษย์ พร้อมความกล้าหลุดออกจากกรอบหนังไทยได้แล้ว ใน “Dark World (ดาร์ค เวิลด์)…เกม ล่า ฆ่า รอด” วันนี้ในโรงภาพยนตร์