สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานซัลวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล มีคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ให้กองทัพและตำรวจสนธิกำลังร่วมกันลาดตระเวนทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในกรุงซานซัลวาดอร์ หลังอัตราการเกิดอาชญากรรมในประเทศ “พุ่งพรวด” ในสัปดาห์นี้


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำเอลซัลวาดอร์ เกิดขึ้นหลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานการเกิดคดีฆาตกรรมมากกว่า 30 คดี ระหว่างวันอังคารถึงวันพุธที่ผ่านมา ในประเทศแห่งนี้ซึ่งมีประชากรประมาณ 6.5 ล้านคน

ทหารเอลซัลวาดอร์ยืนรักษาความปลอดภัย ใกล้กับตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่ง ในกรุงซานซัลวาดอร์


แม้อัตราการเกิดอาชญากรรมในเอลซัลวาดอร์ลดลงมากนับตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งในปีนั้นมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,000 ราย แต่จวบจนถึงปัจจุบัน เอลซัลวาดอร์ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูงที่สุดในโลก โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการก่อความรุนแรงระหว่างแก๊งที่เป็นคู่อริกัน


ทั้งนี้ ก่อนบูเคเลรับตำแหน่งผู้นำเอลซัลวาดอร์ เมื่อปี 2561 อัตราการเกิดคดีอาชญากรรมในประเทศอยู่ที่โดยเฉลี่ยวันละ 9.2 ครั้ง แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8 ครั้งต่อวัน ซึ่งสื่อในประเทศบางแห่งวิจารณ์ว่า เป็นผลจาก “การเจรจา” ระหว่างรัฐบาลกับแก๊งอาชญากรรม สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับผู้นำเอลซัลวาดอร์ ที่ยืนยันว่า เป็นผลจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES