สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอสซี ) ทั้ง 15 ประเทศ ร่วมกันออกแถลงการณ์ด้วยวติเป็นเอกฉันท์ แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ในเมียนมา ภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงเกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ยูเอ็นเอสซีขอเรียกร้องให้คู่กรณีทุกภาคส่วนยุติการใช้ความรุนแรงต่อกันทันที เพื่อความปลอดภัยของพลเรือน และหันหน้ามาเจรจากัน


ขณะเดียวกัน เนื้อหาในแถลงการณ์ยังระบุเกี่ยวกับการเปิดเส้นทางปลอดภัย เพื่อการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การประกันความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานบรรเทาทุกข์ ในการส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย และการสนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน )


ด้านรัฐบาลทหารเมียนมายังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการต่อมติของยูเอ็นเอสซี ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังนายมาร์ติน กริฟฟิธส์ ผู้แทนระดับสูงด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรม ของนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า สถานการณ์ในเมียนมากำลังเสื่อมถอยและทรุดโทรมลงทุกขณะ


กริฟฟิธส์เรียกร้องรัฐบาลทหารเมียนมามอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม “อย่างเร่งด่วนที่สุด” ให้แก่ประชาชนมากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงความจำเป็นดังกล่าวได้เอง เนื่องจากสถานการณ์รุนแรงภายในประเทศ ความไม่แน่นอนทางสังคม เศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างหนัก และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยยูเอ็นมีความกังวล “มากเป็นพิเศษ” ต่อสถานการณ์ในภูมิภาคทางตะวันตกเฉียงเหนือ คือ ในรัฐชินและภูมิภาคสะกาย ซึ่งสถานการณ์สู้รบทวีความรุนแรงเป็นลำดับ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES