สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ว่ารัฐบาลวอชิงตันเผยแพร่แถลงการณ์ของนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เนื่องในวาระครบรอบ 5 ปี มติของคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ เกี่ยวกับสถานะของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้ ว่าไม่สามารถใช้ "แผนที่เส้นประเก้าเส้น" เป็นหลักฐานเพื่ออ้างกรรมสิทธิ์ได้ ว่าจุดยืนของรัฐบาลวอชิงตันในเรื่องนี้ ยังคงเป็นไปตามแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ฉบับวันที่ 13 ก.ค. ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ แถลงการณ์ที่บลิงเคนอ้างถึง จัดทำในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และมีนายไมค์ ปอมเปโอ ดำรงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ระบุว่า การที่จีนประกาศความเป็นเจ้าของทรัพยากรนอกชายฝั่งแทบทั้งหมดในทะเลจีนใต้นั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสากลอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับการเดินหน้าใช้นโยบายกดดันประเทศคู่กรณี เพื่อแย่งชิงสิทธินั้น
ด้วยเหตุนี้ "จึงชัดเจนที่สุดแล้วว่า" จีนคือภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อทะเลพิพาทในบริเวณนี้ ประชาคมโลกต้องเพิ่มความร่วมมือกัน "ยับยั้ง" ไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายไปมากกว่าที่เป็นอยู่ รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนหยัดเคียงข้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์และเวียดนาม เพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมในทะเลจีนใต้ตามกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน บลิงเคนกล่าวถึงจุดยืนอันมุ่งมั่นของสหรัฐ ในการยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรา 4 ของสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมสหรัฐ-ฟิลิปปินส์ ฉบับปี 2494 ซึ่งระบุเกี่ยวกับ "ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน" ในยามที่ประเทศใดประเทศหนึ่งตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางทหาร และเปรียบเทียบทะเลจีนใต้ว่า เป็นทะเลซึ่งมีการคุกคามและฝ่าฝืนกฎหมายการเดินเรือมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) รายงานว่า เรือพิฆาตติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ "ยูเอสเอส เบนโฟลด์" ของสหรัฐ "ละเมิดกฎหมายการเดินเรือสากล" ด้วยการล่องเข้ามาใกล้กับน่านน้ำบริเวณหมู่เกาะพาราเซล ในทะเลจีนใต้ "โดยไม่ได้รับอนุญาต" จากรัฐบาลปักกิ่ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของพีแอลเอได้ "กดดัน" ให้เรือเดินทางกลับออกไปแล้ว ด้านกองทัพสหรัฐยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ.

เครดิตภาพ : AP